Author Topic: โทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่นและอเมริกา+โทรกลับไทยอยากไรให้ถูกที่สุด  (Read 7253 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Net~JPN#48

  • AFSer Counselor
  • *
  • Posts: 31
  • Gender: Female
    • My Facebook
  • Exchange In: Japan
  • Generation: #48 (2009-2010)
หลังจากพูดเรื่องโทรศัพท์ที่นำมาไทยเรา เรามาพูดถึงโทรศัพท์ในประเทศที่เราจะไปอยู่กันบ้าง
ที่ญี่ปุ่นนี่เป็นประสบการณ์ตรงค่ะ ส่วนที่อเมริกานี่ยกเครดิตให้คุณพ่อค่ะ ท่านทำงานที่นั่นเกือบสิบปีแล้ว

โปรโมทนิดหนึ่งก่อนเข้าเรื่อง สำหรับน้องๆที่อยู่แคลิฟอร์เนียกับซานฟรานซิสโก ถ้าอยากคุยกับคนไทย
มีปัญหาอยากปรึกษาก็ไปหาพ่อพี่ได้ค่ะ ร้านชะอำไทยเรสเตอร์รองส์ (เขียนภาษาอังกฤษนะน้อง) (Cha-am Thai Restaurant)
หรืออยากไปกินอาหารไทยก็ได้ค่ะ อยู่ที่ 1544 Shuttack Ave, Berkeley, CA, USA
เมืองนี้อยู่ติดซานฟรานค่ะ จากสนามบินซานฟรานมาโดยรถใู้ช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
อยากกินเผ็ดก็บอกได้ พนักงานเสิร์ฟเป็นนักศึกษามหาลัยแคลิฟอร์เนียค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ไปปรึกษาได้ค่ะดูกาละเทศะนิดหนี่ง

กลับมาเข้าเรื่องของเราดีกว่าเริ่มจากมือถือในอเมริกาก่อนแล้วกัน
มือถือในอเมริการาคาส่วนมากจะเท่ากันสามารถเลือกเครื่องได้เองเป็นระบบสัญญาจ่ายรายเดือนสองปีเต็ม
หลังจากนั้นเราจะได้ตัวเครื่องไปเลยค่ะ สามารถนำกลับมาใู้ช้ที่ไทยได้เลยแค่เปลี่ยนซิม
สำหรับ prepaid หรือเติมเงินนั้นค่าเครื่องสูงกว่ามากค่ะ จัดว่าแพงเลยทีเดียว ค่าบริการการใช้งานโทรศัพท์อีก
ก็เลยอยากแนะนำว่าก็เอาไอเครื่องที่เราเปิดบริการจากไทยนั่นแหละไปหาซื้อซิมใส่เอา
แจกฟรีก็มีค่ะน้องแต่ค่าบริการแพง ก็หาๆค่าบริการที่ถูกๆหน่อยเอาก็ได้ ถามเพื่อนน้องเอาก็ได้ค่ะ จะรู้เยอะกว่า
พี่ๆเพื่อนๆที่ไปอเมริกามาก็ูช่วยมาเสริมหน่อยแล้วกันค่ะ
สำหรับค่าโทรศัพท์จากอเมริกากลับไทยซื้อเป็นการ์ดโทรศัพท์เอาจะถูกค่ะ พ่อพี่โทรกลับไทยเฉลี่ยนาทีไม่ถึงบาทค่ะ
ตัวการ์ดนี่ถามหาเอาที่ตลาดไทย หรือ ไม่ก็ร้านอาหารไทยก็ได้ค่ะจะมีขาย
หรือลองถามนักศึกษาไทยที่อเมริกาดูก็ได้ค่ะ ราคาตกที่ห้าเหรียญสามชั่วโมง
เป็นราคาโดยประมาณที่พ่อพี่ใช้อยู่ค่ะ ก็ถามคนขายดูได้ค่ะว่าการ์ดอะไรถูกสุด

สำหรับประเทศญี่ปุ่น ในค่ายกับวันปฐมนิเทศพี่ๆรุ่นก่อนๆก็บอกกันไปแล้วว่ามือถือในญี่ปุ่นมีสามค่ายคือ
1.AU
2.DOCOMO
3.Softbank
ความแตกต่างก็เป็นที่ลูกเล่นกับบริการของตัวเครื่องกับอัตราค่าโทรแต่ที่เหมือนกันเเลยคือ
ทุกค่ายจะมีอีเมลล์ให้ค่ะ สามารถส่งข้อความยาวๆได้ต่างจาก SMS ที่คนญี่ปุ่นเรียก C-mail
อัตราค่าส่งอีเมลล์นั้นจะถูกกว่าค่าโทรศัพท์มากค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเขายังมีบริการที่โทรหากันฟรีส่งเมลล์หรือซีเมลล์ฟรีให้ครอบครัวด้วย
สำหรับซีเมลล์ในค่ายเดียวกันส่งหาฟรีค่ะ
ค่าโทรในประเทศจะแพงมากค่ะโดยเฉพาะจากมือถือนาทีบละไม่ต่ำกว่าสามสิบเยน
น้องที่คิดจะใช้ก็ต้องคิดดีๆค่ะ
โรงเรียนในญี่ปุ่นทุกโรงเรียนห้ามนำโทรศัพท์ไปโรงเรียน(แต่เพื่อนน้องอาจนำไป)
ก็คิดถึงความจำเป็นอ่ะน้องว่าจำเป็นมากไหม พี่เป็นหนึ่งคนที่ไม่มีมือถือค่ะแต่ถามว่าทราบได้ไงถามเพื่อนเอา
ก็ขอความกรุณารุ่นพี่ๆเพื่อนๆ ช่วยมาลงรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยละกันค่ะ
อ้อจากมือถือโืทรกลับนาทีละไม่ต่ำกว่าเก้าสิบเยนค่ะ
พูดถึงเรื่องระบบต่างจากไทยค่ะ มือถือไทยที่ไม่รองรับ WCDMA,UMTS หรือ HSDPA  ไม่สามารถใช้งานได้
ก็อย่างที่พูดไว้ในเรื่องการนำมือถือไทยไปต่างแดน
แต่ถ้ารองรับก็ลองหาซื้อซิมใส่ดูก็ได้ค่ะ WCDMA,UMTS หรือ HSDPA เป็นระบบของ DOCOMO เท่าที่ทราบ
ไม่แน่ใจว่าค่ายอื่นจะเหมือนไหมโดยเฉพาะ AU ที่ค่อยข้างประหลาดนิดหนึ่ง
ที่ว่าประหลาดคือพี่ส่งอีเมลล์จากคอมเข้าอีเมลล์ค่าย AU ไม่ได้แต่ค่ายอื่นได้หมดค่ะ
ที่ญี่ปุ่นก็เน้นสัญญายาวเหมือนอเมริกาค่ะ แถมตัวมือถือไม่ค่อยจะมีภาษาอังกฤษด้วย
แต่ก็มีระบบเติมเงินนะน้องไม่ใูช่ไม่มี

ที่นี้มาอีกตัวที่คนไม่ค่อยรู้จักนักเนื่องจากไม่ใช่ค่ายทั่วไป คือ
มือถือบรัสเทล(Brastel) ตัวนี้โทรในประเทศจากถูกกว่าตัวอื่นที่สุดรวมทั้งโทรกลับประเทศถูกที่สุดด้วย
เดิมทีบรัสเทลเป็นบริษัทบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศค่ะ
อัตราค่าโทรก็ขึ้นกับประเทศที่โทรไป และสถานที่โทร
โทรกลับไทยจากโทรศัพท์บ้านได้ในเลส 8.33 เยนต่อนาทีค่ะ
จากมือถือ 27 เยนเศษจำไม่ได้ต่อนาทีก็เกือบ 28 เยนอ่ะค่ะ
จากโทรศัพท์สาธารณะ 46 เยนต่อนาที เศษจุดทศนิยมจำไม่ได้ค่ะ เกือบ 47 เยนต่อนาที
แต่ในขณะเดียวกันเขาพัฒนาให้มีโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาราคาโทรจะเท่ากับราคาโทรจากบ้านค่ะ
มือถือมีแค่สองรุ่นให้เลือกฟังค์ชันไม่มากค่ะไม่สวยด้วยแต่โทรถูก
ค่าเครื่องก็สองหมื่นสี่พันกว่าๆ บวกค่าแรกเข้ากับบริการเดือนแรกอีกก็เกือบสองหมื่นเก้า
ค่าบริการเสียเป็นรายเดือน เดือนละ 1480 เยน โทรฟรี 500 เยนกลับประเทศทุกเดือน
ค่าโทรในประเทศและส่งข้อความแยกคิดหักจากบัตรโทรศัพท์ค่ะ
อัตราค่าโทรในประเทศคือ 15 เยนต่อนาที นับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับค่ายอื่น
แต่เรื่องลูกเล่นพี่ก็ไม่รู้อะค่ะ ราคาโทรต่างประเทศจะถูกกว่าในประเทศเนื่องจากเขาดั้มราคาลงมาค่ะ
เครื่องนำกลับมาใูช้ที่ไทยได้เลยไม่ต้องจูนค่ะ เปลี่ยนซิมใส่ได้เลย
แต่ถามว่าพี่แนะนำไหม ให้น้องพิจารณาความจำเป็นของตัวเองค่ะ
พี่บอกแล้วพี่ไม่มีมือถือ พี่อาศัยโทรจากบ้านเอา เติมการ์ดเอาอ่ะค่ะ
แล้วถ้าไม่โทรจากบ้านคือพี่มีที่โทรคือจากร้านเครื่องใู้ช้ไฟฟ้าที่มีบริการโทรศัพท์สาธารณะ
เป็นโทรศัพท์สาธารณะก็จริงค่ะแต่เป็นสายของโทรศัพท์บ้านพี่ก็โทรได้ในเลสของโทรศัพท์บ้าน
น้องก็ต้องดูเอาเองดีๆ อ่ะค่ะว่าโทรศัพท์เป็นสาธารณะหรือสายบ้าน คือถ้าสาธารณะมันจะมีตู้ใต้เครื่อง
และส่วนมากตัวเครื่องสีเทาและเขียวในต่างจังหวัด โตเกียวมีหลากสีมากกว่าค่ะ
เครื่องที่พี่ใูช้มันเป็นสีขาวหยอดเหรียญได้อย่างเดียว
ในโตเกียวจะมีเครื่องหยอดเหรียญอย่างเดียวเหมือนกันระวังให้ดี

พี่จะเปรียบเทียบให้ดูระหว่างใู้ช้โทรศัพท์กับใช้บััตรอย่างเดียว

โทรศัพท์
เสียค่าเครื่อง
ค่าบริการรายเดือน
ค่าแรกเข้า
ค่าเครื่องสูงพอๆกับมือถือซิมเบียนเมืองไทยโดยที่ไม่มีฟังค์ชัน
แต่น้องก็ต้องเสียค่าบัตรโทรศัพท์ด้วยอยู่ดีถ้าน้องโทรหาเพื่อน
เพราะค่าบริการรายเดือนเป็นค่ารักษาสายหรือสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ
ทุกค่ายเหมือนกันหมดในเรื่องค่ารักษาสัญญาณมีทุกค่าย
แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายนอกจะติดต่อกับเพื่อนก็ถูก
โทรกลับไทยก็ได้ทุกเมื่อเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ค่ายอื่นถูกกว่ามากค่ะ
และโทรได้ทุกเมื่อที่ต้องการต่างจากบัตรโทรศัพท์
โดยเฉพาะเวลามีปัญหากับโฮสต์ คิดถึงบ้าน หาคนปรึกษาด้วยไม่ได้ ที่ปรึกษาน้องพูดอังกฤษไม่ได้หนักใจก็ยิ่งอยากปรึกษาที่บ้าน

บัตรโทรศัพท์
เสียแค่ชำระค่าบัตรโทรศัพท์ก่อนการโทร ซึ่งการชำระในราคาสูงจะมีโบนัสให้ด้วย
แต่หาความสะดวกไม่ได้ ถ้าไม่ได้โทรจากบ้านหรือโทรศัพท์สายบ้านจะโทรในอัตราแัพงกว่ากันมาก
เวลาจะโทรทีก็ต้องขอโฮสต์ซึ่งคุยนานก็ไม่ได้โดนด่า หรือไม่ก็ต้องออกไปหาโทรศัพท์สายบ้านที่นอกบ้านโทรอย่างพี่
กว่าจะไปถึงทีก็เหนื่อยลืมหมดและว่าอยากจะพูดไร โทรศัพท์สายบ้านมีไม่เยอะหรอกค่ะเมืองพี่รู้สึกมีที่เดียวที่พี่ไปโทรประจำ
ถ้ามีปัญหากับโฮสต์บางคนก็น่าจะให้ใู้ช้โทรศัพท์อยู่บางคนไม่ให้เลยน้องทีนี้ก็โทรขอคำปรึกษาหรือระบายให้ที่ไทยฟังก็ไม่ได้
จะออกไปโทรนอกบ้านบางทีก็มืดแล้วออกไม่ได้ไม่ก็ที่ๆมีโทรศัพท์ปิดไปแล้วไรเงี้ยก็โทรไม่ได้
แต่ในกรณีนี้น้องเก็บเรื่องไว้โทรบอกพ่อแม่น้องวันรุ่งขึ้นก็ได้ ยังไงก็หาเรื่องออกจากได้อยู่แล้วยังไม่เคยเจอนะที่ไม่ให้ออกจากบ้านเนี่ย
แค่นี้ล่ะมั้ง พี่นึกออกแค่นี้ก็ไงก็ขอความกรุณาเพื่อนๆ พี่ๆ ช่วยมาให้คำแนะนำด้วยแล้วกัน
บางคนอาจมีทิปในการโทรที่ถูกกว่านี้ก็ได้

ลืมบอกไปอัตราค่าโทรในประเทศจากบัตรบรัสเทลโดยตรงอยู่ที่สามสิบเยนต่อนาทีค่ะ

อันนี้พิเศษสำหรับรุ่นน้องญี่ปุ่นสี่เก้า พี่กลับไปจะเอาบัตรไปแจกให้ค่ะ
« Last Edit: October 22, 2009, 08:53:50 PM by Net~JPN#48 »

Offline Pop ♫ JPN#49 ♪

  • AFSer Junior
  • *
  • Posts: 224
  • Gender: Female
    • My Facebook
  • Exchange In: Japan
  • Generation: #49 (2010-2011)
ขอบคุณพี่เน็ตมากๆเลยค่ะ แนะนำเยอะมากๆเลย >.<
ค่าโทรศัพท์อ่านแล้วทำเอามึนไปเลย ฮะๆๆ
จากที่คำนวณดูแล้วรู้สึกว่ามือถือจะเสียตังค์เยอะมากมายจริงๆ..
พี่จะให้บัตรโทรศัพท์หรอคะ ว้าวว ขอบคุณมากค่า
แล้วถ้าจะเอาเว็บแคมที่เป็นไมค์ไปด้วยในตัว แล้วใช้สไกป์ติดต่อกลับมาจะสะดวกมั้ยคะ
คือแบบขอใช้กับคอมโฮสต์ เพราะSkypeมันก็เป็น Free wareอยู่แล้ว
proud to be an AFSer :))

Offline น้ำหวาน =] ยุ่นปี่สี่เก้า

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 285
  • Gender: Female
  • Exchange In: Japan
  • Generation: #49 (2010-2011)
ขอบคุณมากค่ะพี่เน็ต!!

ตอนแรกหวานอยากซื้อมือถือ ตอนนี้คงต้องมาทบทวนอีกที = ="
[email protected] >> แอดมาก็ได้ไม่กัด หึๆ -_-+ [เปลี่ยนเมล์ค่ะ]

ชั้นอยากได้โฮสแล้ว ~ >[]<~

Offline Net~JPN#48

  • AFSer Counselor
  • *
  • Posts: 31
  • Gender: Female
    • My Facebook
  • Exchange In: Japan
  • Generation: #48 (2009-2010)
เรื่อง skype พี่ตอบไว้ให้ในกระทู้ถามตอบแล้วนะคะ