AFSer Thailand Webboard
AFS Talk => Everything => Topic started by: Felicidad_F CRC#48 on October 08, 2009, 05:14:38 AM
-
อยู่ร่วมโครงการมาเกือบครบปีแล้วครับ เพิ่งมาเจอบอร์ดนี้ 55+ สงสัยจะเฉ่มไปหน่อย อิอิ
ขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อเอฟนะครับ AFS#48 CRC ครับ
ก็ตามหัวข้อล่ะครับ ผมเปลี่ยนโฮสมา2ครั้ง แล้วครับ โฮสที่อยู่ปัจจุบันนี่เป็นโฮสที่3 แล้วครับ
แต่สงสัยจะเป็นคนแรกของ AFS ล่ะมั้ง 55
-
มีจ้าาา คิดว่าหลายคนอยู่นะ
พี่เฟีย ไง!! USA#47
และอาจจะมีเค้าเพิ่มไปอีกคน USA#48
55+
-
me ?
-
จาก Arrival ย้ายไปหา Welcome Host แต่ตอนนี้กลายเป็น Permanent Host แล้วครับ =))*
พี่เฟียเปลี่ยนมาเยอะมากๆ จริงๆ คงไม่คนแรกหรอก หลายคนแล้วครับ อิอิ
-
เปิดดูในเด็กดีอ้ะ
4 เดือน เปลี่ยน 4 โฮสท์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดี ชื่อเอริ เรียกสั้นๆ ว่า "ริ" ก็ได้ค่ะ อายุ 17 ปี ตอนนี้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โรงเรียนคานากะวะ โซโกะ ริมาแลกเปลี่ยนเป็นระยะเวลาประมาณ 10 เดือนเหมือนเด็กม.ปลายส่วนใหญ่นั่นแหละค่ะ เรื่องที่ริจะเล่าวันนี้ก็คือ ประสบการณ์การเปลี่ยนโฮสท์แฟมิลี่ 3 ครั้งในระยะเวลา 4 เดือน (ที่อยู่ด้วยตอนนี้เป็นโฮสท์ที่ 4 แล้วค่ะ) เป็นประสบการณ์ที่ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ริก็ผ่านมันมาแล้ว เลยอยากเอามาเล่าให้เพื่อนได้อ่านกันค่ะ ตัวริเองถือว่าได้โฮสท์แฟมิลี่ช้าคือก่อนบินเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะได้ฟังประสบการณ์จากรุ่นพี่ร่วมโครงการว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หาโฮสท์แฟมิลี่ค่อนข้างยาก
4 เดือน เปลี่ยน 4 โฮสท์แฟมิลี่ !! กับ เอริจัง ณ ญี่ปุ่น
บ้านที่ 1
โฮสท์แฟมิลี่บ้านแรก คุณพ่อเป็นหมอฟัน คุณแม่เป็นแม่บ้าน มีลูกชายสองคน คนโตไปแลกเปลี่ยนอยู่ที่อเมริกา อ้อ เมืองที่ริไปตอนแรกสุดคือ เมืองคานางะวะ (神奈川県) เขตซูชิ (逗子市) ค่ะ ก็ลองเซิร์ชในกูเกิ้ลด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าเมืองนี้มันอยู่ตรงไหนของประเทศ สรุปก็คืออยู่ติดโตเกียวค่ะ ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ริก็โทรศัพท์ไปหาเค้า ขอบคุณเค้าที่รับเราอะไรแบบนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ส่งอีเมลคุยกัน เค้าก็น่ารัก ภาษาอังกฤษก็สำเนียงดี เพราะโฮสท์ที่เป็นแม่เคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามา ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่ได้โฮสท์แฟมิลี่ดี
บ้านที่อยู่เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านหมอฟัน
ชั้นบนเป็นบ้าน ช่วงแรกๆ ที่ไปถึงยังไม่เปิดเทอมค่ะ พอ
เปิดเทอมก็ไปเรียน ได้เพื่อนใหม่เยอะเหมือนกัน เพราะ
ตารางเป็นแบบเดินเรียน แต่ละคาบก็จะเจอเพื่อนไม่
เหมือนเดิม แต่โรงเรียนที่เรียนเป็นโรงเรียนเด็กเก่ง เค้า
ก็จะไม่ได้มาสนใจว่าริเป็นเด็กแลกเปลี่ยน เค้าก็เฉยๆ
เพราะหน้าตาเราก็เอเชียทั่วไป มันไม่ได้มีความแตก
ต่างอะไรมากมาย ที่โรงเรียนมีชมรมด้วยค่ะ ริก็เข้า
คลับเกาหลี เพราะริชอบ Super Junior ริก็เลยเข้า
คลับเรื่อยๆ จนได้เพื่อนกลุ่มเดียวกัน เป็นคนญี่ปุ่น 2
คน และ คนเกาหลี 1 คน
แล้วปัญหาระหว่างริกับโฮสท์ก็เกิดขึ้น คือ โฮสท์
ชอบเอาริไปเปรียบเทียบกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคน
อื่น คือโฮสท์เค้าเป็นอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่น แบบ
เป็นอาสาสมัครสอนคนต่างชาติ เค้าก็มีโอกาสได้
สอนนักเรียนจากออสเตรเลีย เค้าชอบมาบอกว่า
แอนนา (คนออสเตรเลีย) เก่งมากเลยนะ แล้วก็
ชอบถามริว่า รู้มั้ยว่าคำนี้ภาษาญี่ปุ่นคืออะไร พอริ
ไม่รู้ เค้าก็จะพูดว่า เนี่ยแอนนายังรู้เลยนะ ทำไมริ
ไม่รู้ล่ะ เหตุการณ์นี้มีบ่อยมากๆ จนเกิดอาการ
นอยโฮสท์
จนเวลาผ่านไปสองเดือน ริได้รับโทรศัพท์จากผู้ดูแลโครงการว่า จะต้องย้ายโฮสท์ เพราะว่าลูกชายเค้าที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาจะกลับมาแล้ว เราก็โอเครับทราบ แล้วพอถามว่าแล้วจะย้ายไปที่ไหน เค้าก็บอกว่ายังไม่รู้ ถ้ารู้แล้วจะรีบบอก ริก็แบบ อ้าว จะย้ายอาทิตย์หน้าแล้วยังไม่รู้อีกหรอ อีกอย่างที่ไม่เข้าใจก็คือ ตอนแรกสุดที่ได้ข้อมูลจากโครงการที่เมืองไทย ในเอกสารระบุไว้ว่า เป็น ”ครอบครัวถาวร” ก็เลยเสียความรู้สึกมากว่าทำไมเป็นแบบนี้ โฮสท์แม่ก็บอกว่า โฮสท์แม่เป็นคนบอกโครงการไม่ให้บอกริเอง แล้วอีกอย่างมันเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ไม่ควรบอก ริก็งงๆ เพราะเหมือนเค้าโกหกมากกว่า ริก็รอลุ้นว่าต้องย้ายไปที่ไหน สรุปก็ต้องย้ายไปโยโกฮาม่าค่ะ ก็จากกับโฮสท์แบบเหมือนยังมีอะไรติดค้างในใจกันนิดนึง
บ้านที่ 2
โฮสท์ที่สอง เป็นแม่ม่ายกับลูกสาวอายุ 28 ปี ครอบครัวนี้ก็ดีค่ะ สบายๆ มีอะไรก็คุยกันได้ แต่ได้อยู่แค่ประมาณเดือนเดียวเพราะรินอนที่ห้องพักแขก แล้วเดือนถัดไปจะมีแขกมาพักที่บ้าน ริก็เข้าใจเค้า ถึงแม้จะเป็นแค่เดือนเดียวแต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เค้ารับเรามาอยู่ด้วย มีวันนึงที่โฮสท์ไม่อยู่บ้าน ริก็เลยไปนอนบ้านคุณตาคุณยายที่เป็นเพื่อนบ้านที่สนิท คุณตาคุณยายก็พูดเกริ่นๆ ว่า เดี๋ยวริต้องย้ายจากบ้านนั้นมาอยู่บ้านนี้นะ แต่ลึกๆ ริไม่ค่อยอยากย้ายมาบ้านนี้เท่าไหร่ เลยนั่งคุยกับเพื่อนที่สนิทกันในชมรม เพื่อนคนญี่ปุ่นคนนึงบอกว่า มาอยู่บ้านเราก็ได้นะ ริก็ดีใจมากและในที่สุดก็ได้ไปอยู่บ้านนั้นจริงๆ
บ้านที่ 3
ก่อนวันย้ายไปบ้านเพื่อน ริก็ได้นั่งคุยกับพ่อแม่เพื่อน ก็
รู้สึกถูกคอมาก เพราะคุยแล้วสนุก ความเห็นตรงกัน
สองสามวันแรกที่อยู่ก็สนุกดีค่ะ แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ
ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เพื่อนของริเค้าฉลาดแล้วอ่าน
หนังสือเยอะมากๆๆ เลยไม่ค่อยได้คุยกัน ไปโรงเรียนก็ยิ่งไม่
ได้คุยกันใหญ่ ส่วนกับโฮสท์พ่อแม่ ยิ่งคุยก็ยิ่งความเห็นไม่
ตรงกัน เริ่มเลยเถิด ยิ่งคุยก็เหมือนไม่ชอบหน้ากัน กลายเป็น
ว่าริทำอะไรก็ไม่ดีหมด ช่วงนั้นเกิดอาการ Homesick
มากๆ ไม่มีความสุขเลย จนวันหนึ่งเค้าก็เรียกริไปคุยแล้ว
บอกว่า "จะให้ย้ายออก สาเหตุคือไม่ชอบริ ถ้าอยู่ไป
นานๆ เค้าอาจจะเกลียดริได้ เพราะริดูไม่ค่อยตั้งใจ
เรียน ไม่ค่อยอ่านหนังสือที่บ้าน ริควรจะกลับไทยไปซะ
คงอยู่ญี่ปุ่นไม่ได้หรอก"
ได้ยินตอนแรกนี่อึ้งเลยค่ะ เพราะริว่าริก็อ่านนะ หนังสือเป็น
ลังๆ เลย แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนแล้ว ริคงจะอ่านน้อยกว่าจริงๆ
ก็แอบทำใจไว้แล้ว เพราะตอนอยู่บ้านแรกก็เจอเหตุการณ์
คล้ายๆ แบบนี้มาแล้ว เลยตัดสินใจว่า เดี๋ยวกลับไปอยู่บ้าน
คุณตาคุณยายดีกว่า คงจะสบายใจกว่านี้
ส่วนเพื่อนคนนั้นก็ห่างกันไปเลยค่ะ พอริมีปัญหากันเค้า
ริก็พลอยห่างจากเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ไปด้วย ตอนนั้นไม่มีคนคุยด้วยเลย เหมือนโดนเพื่อนทิ้ง มีอยู่ช่วงนึงร้องไห้หนักมาก คิดถึงแม่มากๆ ร้องไห้เหมือนคนบ้าเลย ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะเพราะริเข้าชมรมวอลเล่ย์บอล ซ้อมค่อนข้างหนัก แต่ก็ดีตรงที่ไม่ฟุ้งซ่านเพราะยังมีอะไรให้ทำ
บ้านที่ 4
ส่วนตอนนี้ริก็อยู่บ้านคุณตาคุณยายค่ะ ที่บ้านไม่มีอะไรให้ทำเลย อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี แต่ก็สบายใจมากๆ เพราะคุณตาคุณยายแข็งแรงแล้วก็ใจดีมากๆ ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นเป็นหน้าร้อน ร้อนแบบแดดเปรี้ยงๆ เหนียวตัว ทรมานกว่าเมืองไทยเยอะเลยค่ะ
สุดท้าย ฝากถึงใครก็ตามที่คิดจะไปแลกเปลี่ยน ถึงจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้สู้นะคะ เพราะว่ามันจะทำให้เราโตขึ้นแล้วก็เข้มแข็งขึ้นจริงๆ ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดในชีวิต แต่เป็นปีที่สอนอะไรริมากที่สุดในชีวิตเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ รักประเทศไทยที่สุดเลย
***อันนี้ใครอยากอ่านก็ลองอ่านดู สนุกดี
-
มีดิ
รุ่น44พี่ป๊อปเล่าให้ฟัง
เปลี่ยนประมาณ7-8ครั้งมั้งถ้าจำไม่ผิด
(ถ้าผิดพลาดอาไรขอโทษด้วยพี่ป๊อป แต่รู้ว่าประมาณนั้นหรือมากกว่า)
-
เปิดดูในเด็กดีอ้ะ
4 เดือน เปลี่ยน 4 โฮสท์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดี ชื่อเอริ เรียกสั้นๆ ว่า "ริ" ก็ได้ค่ะ อายุ 17 ปี ตอนนี้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โรงเรียนคานากะวะ โซโกะ ริมาแลกเปลี่ยนเป็นระยะเวลาประมาณ 10 เดือนเหมือนเด็กม.ปลายส่วนใหญ่นั่นแหละค่ะ เรื่องที่ริจะเล่าวันนี้ก็คือ ประสบการณ์การเปลี่ยนโฮสท์แฟมิลี่ 3 ครั้งในระยะเวลา 4 เดือน (ที่อยู่ด้วยตอนนี้เป็นโฮสท์ที่ 4 แล้วค่ะ) เป็นประสบการณ์ที่ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ริก็ผ่านมันมาแล้ว เลยอยากเอามาเล่าให้เพื่อนได้อ่านกันค่ะ ตัวริเองถือว่าได้โฮสท์แฟมิลี่ช้าคือก่อนบินเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะได้ฟังประสบการณ์จากรุ่นพี่ร่วมโครงการว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หาโฮสท์แฟมิลี่ค่อนข้างยาก
4 เดือน เปลี่ยน 4 โฮสท์แฟมิลี่ !! กับ เอริจัง ณ ญี่ปุ่น
บ้านที่ 1
โฮสท์แฟมิลี่บ้านแรก คุณพ่อเป็นหมอฟัน คุณแม่เป็นแม่บ้าน มีลูกชายสองคน คนโตไปแลกเปลี่ยนอยู่ที่อเมริกา อ้อ เมืองที่ริไปตอนแรกสุดคือ เมืองคานางะวะ (神奈川県) เขตซูชิ (逗子市) ค่ะ ก็ลองเซิร์ชในกูเกิ้ลด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าเมืองนี้มันอยู่ตรงไหนของประเทศ สรุปก็คืออยู่ติดโตเกียวค่ะ ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ริก็โทรศัพท์ไปหาเค้า ขอบคุณเค้าที่รับเราอะไรแบบนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ส่งอีเมลคุยกัน เค้าก็น่ารัก ภาษาอังกฤษก็สำเนียงดี เพราะโฮสท์ที่เป็นแม่เคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามา ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่ได้โฮสท์แฟมิลี่ดี
บ้านที่อยู่เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านหมอฟัน
ชั้นบนเป็นบ้าน ช่วงแรกๆ ที่ไปถึงยังไม่เปิดเทอมค่ะ พอ
เปิดเทอมก็ไปเรียน ได้เพื่อนใหม่เยอะเหมือนกัน เพราะ
ตารางเป็นแบบเดินเรียน แต่ละคาบก็จะเจอเพื่อนไม่
เหมือนเดิม แต่โรงเรียนที่เรียนเป็นโรงเรียนเด็กเก่ง เค้า
ก็จะไม่ได้มาสนใจว่าริเป็นเด็กแลกเปลี่ยน เค้าก็เฉยๆ
เพราะหน้าตาเราก็เอเชียทั่วไป มันไม่ได้มีความแตก
ต่างอะไรมากมาย ที่โรงเรียนมีชมรมด้วยค่ะ ริก็เข้า
คลับเกาหลี เพราะริชอบ Super Junior ริก็เลยเข้า
คลับเรื่อยๆ จนได้เพื่อนกลุ่มเดียวกัน เป็นคนญี่ปุ่น 2
คน และ คนเกาหลี 1 คน
แล้วปัญหาระหว่างริกับโฮสท์ก็เกิดขึ้น คือ โฮสท์
ชอบเอาริไปเปรียบเทียบกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคน
อื่น คือโฮสท์เค้าเป็นอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่น แบบ
เป็นอาสาสมัครสอนคนต่างชาติ เค้าก็มีโอกาสได้
สอนนักเรียนจากออสเตรเลีย เค้าชอบมาบอกว่า
แอนนา (คนออสเตรเลีย) เก่งมากเลยนะ แล้วก็
ชอบถามริว่า รู้มั้ยว่าคำนี้ภาษาญี่ปุ่นคืออะไร พอริ
ไม่รู้ เค้าก็จะพูดว่า เนี่ยแอนนายังรู้เลยนะ ทำไมริ
ไม่รู้ล่ะ เหตุการณ์นี้มีบ่อยมากๆ จนเกิดอาการ
นอยโฮสท์
จนเวลาผ่านไปสองเดือน ริได้รับโทรศัพท์จากผู้ดูแลโครงการว่า จะต้องย้ายโฮสท์ เพราะว่าลูกชายเค้าที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาจะกลับมาแล้ว เราก็โอเครับทราบ แล้วพอถามว่าแล้วจะย้ายไปที่ไหน เค้าก็บอกว่ายังไม่รู้ ถ้ารู้แล้วจะรีบบอก ริก็แบบ อ้าว จะย้ายอาทิตย์หน้าแล้วยังไม่รู้อีกหรอ อีกอย่างที่ไม่เข้าใจก็คือ ตอนแรกสุดที่ได้ข้อมูลจากโครงการที่เมืองไทย ในเอกสารระบุไว้ว่า เป็น ”ครอบครัวถาวร” ก็เลยเสียความรู้สึกมากว่าทำไมเป็นแบบนี้ โฮสท์แม่ก็บอกว่า โฮสท์แม่เป็นคนบอกโครงการไม่ให้บอกริเอง แล้วอีกอย่างมันเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ไม่ควรบอก ริก็งงๆ เพราะเหมือนเค้าโกหกมากกว่า ริก็รอลุ้นว่าต้องย้ายไปที่ไหน สรุปก็ต้องย้ายไปโยโกฮาม่าค่ะ ก็จากกับโฮสท์แบบเหมือนยังมีอะไรติดค้างในใจกันนิดนึง
บ้านที่ 2
โฮสท์ที่สอง เป็นแม่ม่ายกับลูกสาวอายุ 28 ปี ครอบครัวนี้ก็ดีค่ะ สบายๆ มีอะไรก็คุยกันได้ แต่ได้อยู่แค่ประมาณเดือนเดียวเพราะรินอนที่ห้องพักแขก แล้วเดือนถัดไปจะมีแขกมาพักที่บ้าน ริก็เข้าใจเค้า ถึงแม้จะเป็นแค่เดือนเดียวแต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เค้ารับเรามาอยู่ด้วย มีวันนึงที่โฮสท์ไม่อยู่บ้าน ริก็เลยไปนอนบ้านคุณตาคุณยายที่เป็นเพื่อนบ้านที่สนิท คุณตาคุณยายก็พูดเกริ่นๆ ว่า เดี๋ยวริต้องย้ายจากบ้านนั้นมาอยู่บ้านนี้นะ แต่ลึกๆ ริไม่ค่อยอยากย้ายมาบ้านนี้เท่าไหร่ เลยนั่งคุยกับเพื่อนที่สนิทกันในชมรม เพื่อนคนญี่ปุ่นคนนึงบอกว่า มาอยู่บ้านเราก็ได้นะ ริก็ดีใจมากและในที่สุดก็ได้ไปอยู่บ้านนั้นจริงๆ
บ้านที่ 3
ก่อนวันย้ายไปบ้านเพื่อน ริก็ได้นั่งคุยกับพ่อแม่เพื่อน ก็
รู้สึกถูกคอมาก เพราะคุยแล้วสนุก ความเห็นตรงกัน
สองสามวันแรกที่อยู่ก็สนุกดีค่ะ แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ
ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เพื่อนของริเค้าฉลาดแล้วอ่าน
หนังสือเยอะมากๆๆ เลยไม่ค่อยได้คุยกัน ไปโรงเรียนก็ยิ่งไม่
ได้คุยกันใหญ่ ส่วนกับโฮสท์พ่อแม่ ยิ่งคุยก็ยิ่งความเห็นไม่
ตรงกัน เริ่มเลยเถิด ยิ่งคุยก็เหมือนไม่ชอบหน้ากัน กลายเป็น
ว่าริทำอะไรก็ไม่ดีหมด ช่วงนั้นเกิดอาการ Homesick
มากๆ ไม่มีความสุขเลย จนวันหนึ่งเค้าก็เรียกริไปคุยแล้ว
บอกว่า "จะให้ย้ายออก สาเหตุคือไม่ชอบริ ถ้าอยู่ไป
นานๆ เค้าอาจจะเกลียดริได้ เพราะริดูไม่ค่อยตั้งใจ
เรียน ไม่ค่อยอ่านหนังสือที่บ้าน ริควรจะกลับไทยไปซะ
คงอยู่ญี่ปุ่นไม่ได้หรอก"
ได้ยินตอนแรกนี่อึ้งเลยค่ะ เพราะริว่าริก็อ่านนะ หนังสือเป็น
ลังๆ เลย แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนแล้ว ริคงจะอ่านน้อยกว่าจริงๆ
ก็แอบทำใจไว้แล้ว เพราะตอนอยู่บ้านแรกก็เจอเหตุการณ์
คล้ายๆ แบบนี้มาแล้ว เลยตัดสินใจว่า เดี๋ยวกลับไปอยู่บ้าน
คุณตาคุณยายดีกว่า คงจะสบายใจกว่านี้
ส่วนเพื่อนคนนั้นก็ห่างกันไปเลยค่ะ พอริมีปัญหากันเค้า
ริก็พลอยห่างจากเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ไปด้วย ตอนนั้นไม่มีคนคุยด้วยเลย เหมือนโดนเพื่อนทิ้ง มีอยู่ช่วงนึงร้องไห้หนักมาก คิดถึงแม่มากๆ ร้องไห้เหมือนคนบ้าเลย ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะเพราะริเข้าชมรมวอลเล่ย์บอล ซ้อมค่อนข้างหนัก แต่ก็ดีตรงที่ไม่ฟุ้งซ่านเพราะยังมีอะไรให้ทำ
บ้านที่ 4
ส่วนตอนนี้ริก็อยู่บ้านคุณตาคุณยายค่ะ ที่บ้านไม่มีอะไรให้ทำเลย อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี แต่ก็สบายใจมากๆ เพราะคุณตาคุณยายแข็งแรงแล้วก็ใจดีมากๆ ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นเป็นหน้าร้อน ร้อนแบบแดดเปรี้ยงๆ เหนียวตัว ทรมานกว่าเมืองไทยเยอะเลยค่ะ
สุดท้าย ฝากถึงใครก็ตามที่คิดจะไปแลกเปลี่ยน ถึงจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้สู้นะคะ เพราะว่ามันจะทำให้เราโตขึ้นแล้วก็เข้มแข็งขึ้นจริงๆ ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดในชีวิต แต่เป็นปีที่สอนอะไรริมากที่สุดในชีวิตเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ รักประเทศไทยที่สุดเลย
***อันนี้ใครอยากอ่านก็ลองอ่านดู สนุกดี
อ่านแล้วรู้สึกไม่อยากไปเลยอ่ะ
แล้วถ้าเราไปเจอแบบนั้นล่ะ?
T^T
afs อย่าทิ้งหนูนะคะ
-
อืม ผมอ่านแล้วแบบว่า
นอนห้องรับแขกนี่ สุดยอดอ่ะคับ
-
ของเราได้โฮสวันบิน ไม่รุข้อมูลไรเรย
ก้ไปที่นั่นเข้าค่่าย และก้พอวันแยกย้าย
ก้เปน welcome host มารับ เป็นผู้หญิง อยู่คนเดียว หย่ากะสามีเ้ค้าแล้ว
น่าจะไปรุ่นยายได้แล้ว อายุหกสิบกว่า
อยู่เป็นอพาทเม้น เราก้นอนห้องรับแขก เปนเตียงลมแบบสูบลมเข้าไป ไม่สูงมากเป็นที่นอนเล็กๆ
และอยู่อพาร์ทเม้นหนาวมาก(ความรุ้สึกว่า ถ้าอยู่เปนแบบบ้านจะอุ่นกว่า) อยู่กะเค้าประมานเดือนนึง
แล้วเค้าต้องไปอีกเมืองนึง เราก้ต้องไปอยู่กับซัพพอร์ตโฮส สามวันเค้าบอกมาอย่างงี้เราก้ เตรียมของไปแค่สามวัน
พอซัพพอร์ตมารับ เค้าบอกให้เราเอาของทุกอย่างไปเรย ได้โฮสแล้ว(แต่ไม่ถาวรนะ) ไม่รุเหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร
ก้รีบเก็บของแพ็คของตอนนั้นเรย อย่างรวดเร็ว และก้ไปถึงบ้านซัพพอร์ต
เท่าที่ผ่านมาจะชอบซัพพอร์ตมากดีสุดและ รักมาก
อยู่ด้วยกันแค่สามวัน แต่รู้สึกมีความสุขที่สุดตั้งแต่ที่มา ซัพพอร์ตโฮสเราดีมาก มีพ่อ แม่ พี่สาว(แลกเปลี่ยนไปเมกามา ของเอเอฟเอสนี่แหละ) ทุกคนดีกะเรามาก และมีกิจกรรมทำ มากมาย เพราะก่อนหน้านี้อยู่อพาร์ทเม้น ไม่มีไรทำเรย รู้สึกเดือนนึงที่ผ่านไปเหมือนไม่ได้อะไรเรย อยู่ที่นี่เป็นบ้านสวยค่อนข้างหรู เราชอบมากและมัมดีกะเรามาก เค้าบอกเค้ารักเรา อยากรับเราแต่มีปันหาเรยไม่ได้ เค้าขอโทดและเสียใจมาก เราก้เข้าใจ อยู่ด้วยกันแค่สามวันแต่มีความสุขมีเวลาที่ดีด้วยกันมากอะ
และก้ได้เวลาย้ายมาอีกโฮสนึง เปนตายายหกสิบกว่าแล้วเหมือนกัน ความรุสึกตอนย้ายมา คือไม่อยากจากซัพพอร์ตโฮสเรย แต่ก้ทำไรไม่ได้ เค้าก้ดีมากนะ เปนพยาบาลกับหมอ มีห้องนอนและมีห้องน้ำในห้องนอนให้เรา เค้าก้ดี ใจดีกะเรามาก อยู่ไปก้มีความสุขโอเคเรย (แต่่ยังไงก้ชอบซัพพอร์ตโฮสที่สุด เหอๆ)และก้มีโทรศัพท์จากเอเอฟเอสมาว่าขอให้เอารูปเราลง นสพ.ได้ไม๊ เพื่อที่จะเปนอีกวิธีนึงในการหาโฮส เราก้โอเคไป และมีรูกของคนที่ยังไม่ได้โฮสเหมือนกัน ตอนนี้ก้เก็บมาเปนที่ระลึกแล้วหล่ะ ฮ่าๆ ลงนสพ.และมีแปะประกาศตามเสาด้วยเดินๆไปกับเพื่อนในเมือง รอข้ามถนนอยู๋ไปเจอซะงั้น เหอๆ เวลามารร.เพื่อนๆก้จะทักและบอกว่าเหนเราใน นสพ.ด้วย เพื่อนบางคนก้ไปหานสพ.วันที่ลงแล้วเก็บไป เหอๆ อายมาก
ก้อยู่กับโฮสนี้ประมานสองอาทิตย์ แล้วก้ได้โฮสถาวร เฮ้อ ..
โฮสถาวรที่อยู่ตอนนี้ก้อยู่มาได้จะอาทิตย์นึงและ แม่เปนญี่ปุ่น พ่อสวีดิช ลูกสาว(สองคน คนพี่ไปแลกเปลี่ยนเอเอฟเอสที่แคนาดา เหลือน้องสาวอยู่) ตอนแรกมาและรู้สึกคิดถึงซัพพอร์ตกับโฮสสอง(ตายายที่เปนพยาบาลกะหมอ)มาก แต่ก้ต้องยอมรับและปรับ
ตอนนี้ก้ดีขึ้นแล้ว และเรื่องเพื่อนที่รร.ก้ดีขึ้นมาก แบบมากๆ ตอนนี้ก้โอเคแล้ว
ก้ เจอเรื่องร้ายๆ ยังไงก้ต้องมีเรื่องดีีดี เจอเรื่องดีดี ก้ต้องมีเรื่องร้ายๆ
ก้สอนให้อดทนมาก และตอนนี้มีปันหาไรเข้ามาก้ปลงอย่างเดียว ยังไงเด๋วมันก้ต้องผ่านพ้นไปไม่ว่าอย่างไร้ตาม
ฟ้าหลังฝนไม่มีอะไรที่จะแย่ไปซะหมดหลอก ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย ไม่ว่ายังไงจะดีหรือร้ายก้ต้องยอมรับมันและปรับตัวปรับความคิดให้อยู่ให้ได้ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อยู่รอดให้ได้หนึ่งปีนี้ ตอนนี้ก้จะสองเดือนแล้ว หวังว่าทุกอย่างคงเริ่มดีขึ้นและลงตัว แต่คิดว่าคงมีอไรอีกหลายๆอย่างตามาอย่างแน่นอน ก้ต้องรอพบเจอและแก้ไขต่อไป
รักประเทศไทย ทุกอย่างที่ไทยมากขึ้นมากๆ
สู้ๆๆ เพื่อพ่อแม่
ปล.เรื่องกระเป๋า เอามาเฉพาะที่จำเป็นไม่ต้องหอบหิ้วมาเยอะ เวลาย้ายทีจะหนักและค่อนข้างลำบามาก เหอๆ
: )
-
เราย้ายโฮสนะ
ที่อยู่นี่เป็นบ้านที่สอง
เปลี่ยนเพราะบ้านแรกเป็นแค่Welcome host.
แต่พี่ภูมิเช็ก48เปลี่ยนมา3บ้านแล้ว
แล้วบ้านที่อยู่ตอนนี้จะรับแค่3อาทิตย์
พูดง่ายๆคือเดี๋ยวต้องเปลี่ยนไปอยู่หลังที่4
ไม่รู้เคยมีแบบนี้ในประเทศอื่นรึเปล่า
(ประมาณ)2เดือน4แฟมฯ
-
มีหลายนอยู่จ้าาาา
2 โฮส ไม่เยอะหรอก
-
อืม
ส่วนใหญ่มักเปลี่ยนกันเพราะยังหาโฮสถาวรไม่ได้อ่ะนะ
มีการเอารูปลงหนังสือพิมพ์ด้วย!!!! อะไรจะขนาดนั้น
ยังไงก้อแอดมาคุยได้นะครับ
[email protected]
-
กำลังจะย้ายครับ ช่วงสามเดือนสุดท้ายนี่แหละ แปลกดี
-
เราก็เปลี่ยนไปแล้วมาอยู่ได้เดืนนึงเปลี่ยนมาโฮสนึงละตอนนี้อยู่กับโฮสที่สอง แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรแค่บ้านไกล ร อะเลยเปลี่ยน ก็ยังติดต่อกันอยู่ไปหากันอยู่ บางทีมีหลายโฮสก็ดีนะคนรักเราเยอะดีๆ
-
เรามาอยู่มาได้ 1 เดือนเปลี่ยนโฮสต์แล้ว
ตอนนี้กะลังรอโฮสต์ใหม่อยู่ = =
-
เราเปลี่ยนเพราะมีปัญหา ไม่ใช่บ้านไกลหรือรอโฮสต์ถาวร
เราต้องมาอยู่โฮสต์ชั่วคราว 10 วัน
ยังไม่รุ้อนาคตตัวเองเลย...ตอนนี้จิตตกสุดๆ T^T
-
เย้....^0^
ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เคยเปลี่ยนโฮสต์เลย รู้สึกเป็นเรื่องที่วิเศษมากๆครับที่ผมได้โฮสต์ที่อบอุ่นและใจดีมาก โรงเรียนก็ไม่ต้องย้าย อยู่แบบม้วนเดียวจบ สนิทกับเพื่อน(เกือบจะ)มากทีเดียว
สามเดือนสุดท้ายในสวิส....ไม่ต้องการอะไรไปกว่าความทรงจำดีๆ ที่อยากเก็บไว้ตลอดไป
Ich vermisse Schweiz!
-
กำลังจะย้ายครับ ช่วงสามเดือนสุดท้ายนี่แหละ แปลกดี
เหมือนกันเลย