AFSer Thailand Webboard
AFS Talk => Everything => Topic started by: J-Hun#48 on November 30, 2009, 03:57:17 AM
-
คือ ตอนนี้ ผมอยู่ ม.4 ครับผม อยู่สายวิทย์
ที่เข้าสายวิทย์ ไม่ได้เพราะอยากเป็นหมอ หรือ วิศวะ หรืออะไรเป็นพิเศษ
แต่คือ เกรด ม.ต้น ของผมจัดว่าดี จึงเลือกสายวิทย์ไปก่อน เนื่องจากยังหาตัวเองไม่เจอ
ผมเป็นคนที่ ชอบพูด ชอบแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก
มีมุมมองที่กว้าง มองอะไรหลายๆด้าน และสามารถใช้เหตุผล หรือ อธิบายบางสิ่งได้อย่างเหมาะสม
ผมสนใจเรื่องจิตวิทยาเหมือนกัน อ่านหนังสือ จิตวิทยา เกี่ยวกับการพูด(โดยเฉพาะการโน้มน้าว)ตั้งแต่ ป.4
วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ผมถนัดเกือบจะที่สุด
ผมชอบที่จะเข้าใจอะไร แต่ไม่ชอบจำ ผมเป็นคนจำไม่เก่งครับ เรียกว่าแย่เลยก็ได้ แต่ถ้าเข้าใจอะไรแล้ว ก็สบายมาก
วิชาวิทย์ก็ เฉยๆ ไม่แย่ แต่ก็ไม่ดี (ชีวะผมแย่ ฟิสิกกลางๆ เคมีจัดว่าดี)
ภาษาอังกฤษ ก็อยู่ในระดับดี ตอนนี้ (น่าจะ)ได้ภาษา ฮังการี เป็นภาษาที่3
ผมสามารถเข้ากับคนได้ไง เพราะฉะนั้น การทำงานที่จะพบปะผู้คนนั้น ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับผม
เรื่องดนตรี ผมก็เรียกได้ว่าเป็นนักดนตรีด้วย ถึงจะไม่เก่งมาก แต่ก็พอที่จะไปเล่นตามโชว์ตามที่ต่างๆได้เป็นบางครั้ง
ผมอยากให้พี่ๆเพื่อนๆหรือใครก็ได้ครับ ช่วยแนะนำให้ผมที ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไป...
คือตอนนี้ ผมอยากจะรู้ว่า ผมเหมาะที่จะเข้าคณะอะไร เรียนประเภทไหนดี
ผมกำลังตัดสินใจอยุ่ว่า จะทำเรื่องย้ายสายดีหรือไม่ เพราะเนื่องจาก ถ้าเกิดผมไม่ได้จะเข้าคณะอะไรที่ต้องเรียนวิทย์แล้ว
ผมก็จะย้ายไปศิลป์คำณวน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเรียนวิทย์เพิ่ม ให้เป็นภาระกับตัวเอง
รบกวนทุกคนช่วยผมหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
-
ถามตัวเองดีกว่ามั๊ยคับ ? ว่าอยากเข้าคณะอะไร โตขึ้นอยากเป็นอะไร อะไรคือจุดมุ่งหมายของชีวิตเรา
ตัวเราเอง ชีวิตเราเอง ถ้ามัวแต่มาถามว่าจะเรียนอะไรดี แล้วถ้ามะมีความสุขจะทำไงล่ะนิ ?
ช่วงที่เราอยู่ ตปท. จะทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากที่สุดคับ :)
ทำตามใจตัวเองดีที่สุดคับ
-
น้อง พี่เหนด้วยกับ พี่รีบนน ...
น้องต้องหาตัวเองให้พบบ หาให้เจอๆ
พี่ก้เคสเดียวกับน้อง โดนยัดมาสายวิทย์
ตอนแรกนึกว่าจะรอด เรียนไปเรียนมา ตายๆๆๆๆ
ฟิสิกได้ 3/30 เคมี 15/30 ชีวะ 8.75/30 เเจ่มมมม้ะๆๆ
พอ ม.5 พี่ทิ้งพวกวิทหมดอ้ะ แล้วก้เริ่มคิด ว่าอยากเรียนไร ... แล้วมาตามเกบพวกที่เหลือแทน
พอมาอาเจน ก้คิดได้ว่าอยากเข้า สินสาด ไม่ก้ บริหาร บัญชี ของ มธๆๆ
* น้องต้องค้นให้พบน้องๆๆ สู้ๆๆ
ปล เดกฮังอีกแระ เพื่อนพี่ปีที่แล้วไปฮัง มันไปนั่งเรียนภาษาเกาหลีๆ เหตุผล มันชอบๆ 55555
-
น้อง พี่เหนด้วยกับ พี่รีบนน ...
น้องต้องหาตัวเองให้พบบ หาให้เจอๆ
พี่ก้เคสเดียวกับน้อง โดนยัดมาสายวิทย์
ตอนแรกนึกว่าจะรอด เรียนไปเรียนมา ตายๆๆๆๆ
ฟิสิกได้ 3/30 เคมี 15/30 ชีวะ 8.75/30 เเจ่มมมม้ะๆๆ
พอ ม.5 พี่ทิ้งพวกวิทหมดอ้ะ แล้วก้เริ่มคิด ว่าอยากเรียนไร ... แล้วมาตามเกบพวกที่เหลือแทน
พอมาอาเจน ก้คิดได้ว่าอยากเข้า สินสาด ไม่ก้ บริหาร บัญชี ของ มธๆๆ
* น้องต้องค้นให้พบน้องๆๆ สู้ๆๆ
ปล เดกฮังอีกแระ เพื่อนพี่ปีที่แล้วไปฮัง มันไปนั่งเรียนภาษาเกาหลีๆ เหตุผล มันชอบๆ 55555
เก้ยยย เรียนเกาหลี ?
-
น้อง พี่เหนด้วยกับ พี่รีบนน ...
น้องต้องหาตัวเองให้พบบ หาให้เจอๆ
พี่ก้เคสเดียวกับน้อง โดนยัดมาสายวิทย์
ตอนแรกนึกว่าจะรอด เรียนไปเรียนมา ตายๆๆๆๆ
ฟิสิกได้ 3/30 เคมี 15/30 ชีวะ 8.75/30 เเจ่มมมม้ะๆๆ
พอ ม.5 พี่ทิ้งพวกวิทหมดอ้ะ แล้วก้เริ่มคิด ว่าอยากเรียนไร ... แล้วมาตามเกบพวกที่เหลือแทน
พอมาอาเจน ก้คิดได้ว่าอยากเข้า สินสาด ไม่ก้ บริหาร บัญชี ของ มธๆๆ
* น้องต้องค้นให้พบน้องๆๆ สู้ๆๆ
ปล เดกฮังอีกแระ เพื่อนพี่ปีที่แล้วไปฮัง มันไปนั่งเรียนภาษาเกาหลีๆ เหตุผล มันชอบๆ 55555
เก้ยยย เรียนเกาหลี ?
เออ .... โทรไปหามัน มันบอกกำลังเรียนเกาหลีอยู่ๆๆ
แจ่มป่ะหล่ะๆ ตอนนี้เรียนจีนอยู่ๆ
พี่ออมเม้ ยังงงเลยมันจะเอากี่ภาษาๆๆ
5555
-
คล้ายๆเราเลยอ่า
แต่กลับกันตรงที่ว่าเรา ชีวะ กะฟิสิก(คะแนนก็85 อัพ)ดี
แต่เคมีก็พอเอาตัวรอดได้4(80)แบบฉิวเฉียด
แล้วเซนส์ด้านศิลปะเป็นศูนย์
ถนัดกีฬา มากกว่า
ปล.เรากะเรียน microbiology นะ
-
คณะที่พี่แนะนำนะครับ
1. นิเทศศาสตร์อินเตอร์ / วารสาสศาสตร์อินเตอร์ --> น้องชอบพูด ชอบเจรจา และภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีด้วย
2. จิตวิทยา --> ก็ชอบอยู่แล้วนี่ เรียนไป อย่าให้เสีย
3. คณิตศาสตร์ประยุกต์ --> อันนี้ก็น่าสนใจ ถ้าน้องเก่งคณิตศาสตร์
-
พี่ว่าน้องอย่าพึ่งให้พี่แนะนำเป็นคณะๆเลยดีกว่า เพราะไม่มีใครรุจักน้องได้มากเท่าตัวเองเลย ตอนนี้เรายังมีเวลาเหลืออยู่บ้าง อยากให้ทบทวนว่าเราอยากทำงานอะไร ชอบอะไร เอาตัวเองเป็นที่ตั้งดีที่สุด อย่าถามคนอื่นว่าอะไรดี อย่าเข้าตามเพื่อนหรือตามกระแสก เพราะสุดท้ายน้องก็จะไม่มีความสึขถ้ามันไม่ใช่ตัวของน้อง ตอนนี้ลองสังเกตตัวเองไปก่อนว่าเราทำอะไรแล้วมีความสุข ทำให้แล้วสบายใจแล้วชอบ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่เก่งหรือไม่เก่ง พี่เชื่อว่าถ้าน้องชอบอะไรถึงจะไม่เก่งมาก แต่เพราะความชอบ ความตั้งใจมันจะทำให้มีความแน่วแน่ และทุกอย่างจะดีขึ้นเองจ้ะ...
เหมือนเทศน์เลยเนอะ ห้าๆๆๆๆ
ยังงัยก็โชคดีนะคะ มีอะไรถามกันได้เสมอ
-
ยังไม่ได้เรียนมหาลัย แต่อยากแสดงความคิดเห็น
ตรงกับ จขกท.ที่ว่า เข้าสายวิทเพราะเกรดมันถึง
แต่เรียนเข้าไป ก็ไม่รอด (ล่อแล่ ยังกะเดินบนเส้นด้าย)
แต่ก็อ่ะนะ ที่เรียนสายวิทเพื่อไปสอบคณะของสายศิลป์ละก็สายอาชีพ เพราะพื้นฐานสายวิท มันแน่นซะยิ่งกว่าสายศิลซะอีก (เห็นแก่ตัวชัดๆ)
-
ถูกกก!! ตัวเองแหละที่จะต้องกำหนดชีวิตเอง
อย่าเครียดไปมาก ใช้ชีวิตในฮังการีและค้นพบความหมายของชีวิต....
เหมือนกับเราที่ทิ้ง Minna no Nihongo ไปซบอก Themen (ปัญญาอ่อน ข้ามไปๆ =*= " )
------------------------------------------
ป.ล. ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
-
อ่า ขอบคุณครับ พี่ๆทุกคน
คณะที่ผมคิดไว้ ก็มี
-นิเทศอินเตอร์ แต่คือว่า เท่าที่ทราบมา คือว่า กว่ารุ่นผมจะจบ ช่วงนั้น นิเทศก็จะเลิกบูมแล้ว
แล้วโอกาสไม่มีงานทำก็สูง
-จิตวิทยา อันนี้ก็อยากครับ แต่คือเท่าที่ทราบมา
คนไทย สมัยนี้ยังไม่ยอมรับกันเลย... คิดว่าคนที่ไปหานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์คือคนบ้าเท่านั้น
ผมก็คิดว่าถ้าจะอยู่ประเทศไทย อาชีพนี้คงไม่เหมาเท่าไหร่
ก็เลยอยากจะทราบว่า...
มีคณะอะไร ที่เหมาะสมกับอุปนิสัย แบบผมอีกอะครับ นอกจาก2อันนี้
ขอบคุณครับ ^^
-
ก่อนอื่นต้องถามว่า ทำไมถึงคิดยังงั้นล่ะครับ?
คนเราจะ "เจ๋ง" ได้ มันไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยอื่นๆ แต่อยู่ที่ตัวเอง
นิเทศ --> กลัวไม่ได้งาน
แสดงว่าน่าจะรู้แก่ใจใช่มั้ยครับ ว่าตัวเองไม่เจ๋งพอ
คนเจ๋งๆเค้ามีที่ไปเสมอแหละครับ ไม่มามัวนั่งคิดหรอกว่าเรียนนั่นตกงาน เรียนนี่ตกงาน
ไม่งั้นคงตกงานมันทุกคณะแหละ..
จิตวิทยา --> ไม่อยากเรียนเพราะไม่เป็นที่ยอมรับ
เพราะบ้าหรอครับ?
ให้มันรู้สิว่าบ้าแต่ไม่โง่อ่ะ
ถามหน่อย คนอ่นเค้ามองว่าบ้า แต่มันสำคัญมั้ยครับ?
ถ้าไม่มีคนบ้ายังงี้อยู่ในสังคมมนุษย์ สังคมนี้คงจะบ้าจริงๆก็ได้
คนบ้าก็สำคัญนะครับ..
ของยังงี้อยู่ที่ตัวเองครับ
ให้ใครมาตัดสินไม่ได้หรอก
ไม่ว่าใครก็ทำได้แค่บอกทางเดิน
แต่เราจะเดินไปทางไหนก็สิทธิ์ของเราแล้วล่ะครับ ^^
ขอให้โชคดีครับ
ปล.ผมไม่อยากให้มากำหนดว่า คณะนั้น คณะนี้เรียนแล้วตกงาน เรียนแล้วไม่มีงานทำ บลาๆ เพราะมันเป็นการปิดกั้นความคิดตัวเองแบบโง่ๆครับ ย้ำว่าโง่ๆ
เรียนที่ตัวเองสนใจละถนัดดีกว่า ดีกว่าเอาไอ้ความคิดโง่ๆมาปิดทางชีวิตตัวเองครับ
ปล2.เรา ม.สี่เหมือนกัน ค่อยๆคิดกันดีกว่าครับ อย่าเพิ่งรีบเลย คนเราตื่นมาอีกวันก็ไม่ใช่คนเมื่อวานแล้ว กว่าจะถึงวันที่เราต้องตัดสินใจ เราจะยังมีทางเลือกต่อไปเรื่อยๆครับ
-
*อ่า เนื่องจากเกิดสำนึกเรื่องอายุแล้ว = =
ขออนุญาตเรียกพี่เจว่าเจเฉยๆ นะคะ :] *
ถ้านึกไม่ออกจริงๆ เจลองไปทำพวกแบบทดสอบ วิถีอนาคตของตัวเองตามเว็บพวก eduzones มั้ยคะ?
ทำหลายๆ อันอาจจะพบวิถีของตัวเองอย่างคร่าวๆ ได้ค่ะ
ส่วนตัวเชียร์วารสาร/นิเทศนะคะ ดูมัน cover เจหมดเลย :]
เรื่องบูมไม่บูม...เราว่าสาขานี้มันดีตรงที่เราไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสาขาอ้ะ
ถ้าทำตามสาขาได้จะวิเศษมาก - แล้วงานนิเทศนี่มันเยอะมากๆๆๆๆๆ นะคะ
ถ้าไม่ติดแค่ว่าอยากทำงานหน้ากล้องแล้ว งานเบื้องหลังก็สำคัญมากๆ พอๆ กันค่ะ
แต่เราไปทำมาหากินแบบอื่นก็ได้
ยังไงค่าที่เราเรียนสายนี้มามันจะเอามาประุยุกต์กับงานที่เราทำได้
จิตวิทยาก็น่าสนใจดี จริงๆ เคยเห็นคนที่เรียนมาแล้วไม่ได้ไปทางจิตฯ โดยตรงเยอะพอสมควร
ถ้ามาทำงานในพวก human resource หรืออะไรแนวๆ นี้จะเป็นประโยชน์แก่บริษัทมากมาย
เนื่องจากจะช่วยพัฒนาบุคลากรของบริษัทให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น อะไรก็ว่าไป
แนะนำว่าศึกษาดูรายละเอียดของแต่ละคณะให้ละเอียดก่อน อาจจะพบหนทางสว่างได้
แต่มีความจริงอันนึงที่เราเห็น คือจบอะไรมาบางครั้งเราอาจจะไม่ทำงานตรงตามสายก็ได้
เอาล่ะ มันอาจจะเบี่ยงเบนไปแนวอื่น แต่เชื่อเหอะว่าเรียนอะไรมามันเอามาใช้ได้หมด!
เอาใจช่วยนะคะ >"< ~
-
เท่าที่รุจักมาและเห็นกันมานะ เราว่านิเทศฯก้ค่อนข้างเหมาะกะแกนะเว่ย
อย่าไปคิดว่าไม่มีงานหรืออะไรเรย ถ้าใจรักทำแล้วมีความสุขงานออกมาดีมีฝีมือ ยังไม่มันก้ต้องการคน
และถ้าเราทำได้โดดเด่นขึ้นมา สิ่งที่ได้ก้ไม่ใช่น้อยๆเรย ถ้าทำแล้วมีึความสุข ไม่ห่วงเรื่องเงินมาก
นั่นน่าจะเป็นทางที่โอสุด และก้หลายคนเรียนคณะที่เลือกมา แต่พอจบมาทำงานสุดท้ายทุกอย่างที่เรียนมา
กลับไม่ได้ใช่ไม่เกี่ยวข้องกับคณะที่เรียนมาเลย เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ลองดูตัวเอง และค่อยๆคิด
และเจยังไม่เวลา ให้มีประสบการณ์ได้เจออะไรแปลกใหม่มากกว่าความคิดเจอาจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีกทียังไม่นิ่งก้ได้
ปล.ตอนนี้ก้เครียดๆคิดไม่ตกเหมือนกันว่าจะเข้าอะไรดี เฮ้อ .. ระบบการศึกษาไทยก้แย่ว้ะ :'(
-
อ่าๆๆๆ - -''
เข้าใจว่าแบบ ถ้าเก่งจริง ยังไงก็อยู่รอด
แต่คือ ใครจะรู้ ว่าคนที่ 'เจ๋ง' กว่าเรามีเยอะแค่ไหน หรือ คนที่โชคดีกว่าเราจะมีเท่าไหร่
ผมแค่อยากได้ทางออกสำหรับตัวเองเผื่อไว้ในกรณีที่ เราจะ เจ๋ง หรือ เฮง สู้คนอื่นไม่ได้
ส่วนจิตวิทยานี่ =.=
คนเรียนไม่บ้าครับ ปกติ เก่งด้วยซ้ำ
แต่ทว่า... ที่ผมบอกคนไทยไม่ยอมรับคือ
เขาไม่ยอมรับว่าตัวเอง ป่วย... หรือ เครียด แล้วต้องการที่พึ่งทางใจ ที่สามารถช่วยเขาได้
ซึ่งก็คือ คนที่เรียนสายนี้มา ปกติ
ถ้ามีคนพูดว่า... นายAไปหาจิตแพทย์มา
สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวพวกเราคนไทยคืออะไรครับ ???
นายAเป็นบ้า... ผมพูดถูกรึเปล่า ?
คนไทยส่วนใหญ่ คิดว่าการไปหาจิตแพทย์ หรือ นักจิตบำบัด คือคนเป็นบ้า หรือมีปัญหาทางจิตใจ อย่างหนัก
แต่ความจริงไม่จำเป็น...
ก็ไม่รุ้สิครับ เอาง่ายๆ ก็คือ คงไม่มีคนไทยคนไหน ไปหาจิตแพทย์ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะรักษาตัวเองหรอก
มีแต่จะพาคนที่ป่วยทางจิตไปรักษาเท่านั้น
ตรงกันข้าม กับบางประเทศ นักจิตวิทยา เป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่รุ้จักกันมาก่อน
แต่เขา สามารถช่วยให้เรา หายเครียด ให้จิตใจเราดีขึ้นได้อย่างมาก
คนไทยมองข้ามจุดนี้ไป เพราะกลัวว่า คนอื่นจะมองตัวเองบ้า ถ้าไปหา จิตแพทย์
ซึ่งผมคิดว่า ค่านิยมอันนี้มันผิด แล้วการที่จะเปลี่ยนความคิด คนส่วนใหญ่ในประเทศนั้น
คงใช้เวลาอีกนานหลายปี... - -''
ผมอยากทำงานที่ไทย ไม่อยากไปต่างประเทศ
ก็เลยละฝันที่จะเรียนด้านนี้ไป
ขอบคุณพี่ๆเพื่อน ครับผม
ยังไงรบกวน ช่วยแนะนำต่อด้วยนะครับ ^^
Sok szerencset kivanlok
-
อ่านะ แต๊ง จ้า กีต้า :)
นิเทศก็อยาก ฮ่าๆ
แต่ก็น่านแหละ
เด่วนี้ มันได้งานไม่ค่อยจะตรงกะที่เรียนมาเลย
บางคนอ่านหนังสือเอา เก่งกว่าที่จบคณะนั้นๆมาอีก
ฮ่าๆๆ เลยไม่รุ้ว่า จะเรียนอะไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ปล.เห็นด้วย กับ ระบบการศึกษาไม่ค่อยดี
-
เจครับ
มาช่วยตอบ ร่วมให้ความเห็น อีกมุมมองหนึ่ง
บางที การค้นพบตนเอง ก็ไม่ใช่จะเหมือนสิ่งที่ได้เห็น
เหมือนเจ มองตัวเองในกระจกเงาสะท้อน
ความชัดเจน / มุมมอง / แสง เงา /การเพ่งเฉพาะจุด / scope ภาพรวม / เวลาที่เรามองในขณะนั้น
เมื่อก้าวสู่การศึกษา ความคาดหวังที่จะมีอาชีพ มีงานทำ มีคุณค่าแห่งชีวิต (ไม่ได้อยู่บนกองมรดก / ไม่อยากล้มเหลวในชีวิต)
ข้อสำคัญ ......
ไว้มาเขียนต่อ.... (มีคนจะใช้คอมฯ) :th_019_:
-
เจ๋งกว่าเราก็ต้องมี โชคดีกว่าเราก็ต้องมี แน่นอน
แต่ว่าถ้าอยากเป็นตัวเอง เราต้องนึกถึงปัจจัยเหล่านั้นหรือครับ?
สู้ไปเถอะ ถ้ามันไม่ทางเดินก็ต้องเดินไปทางนั้น
มัวแต่คิดมากหรือหาทางเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดภายภาคหน้า มันก็ไม่เจ๋งนั่นแหละ
เรื่องจบมาได้งานไม่ตรงกับที่ทำ ไม่ใช่แค่นิเทศนะครับ แต่มันมีสำหรับทุกคณะนั่นแหละ
จบนิติ ทะลึ่งไปร้องเพลงหรือนักการเมืองก็มี
อักษรกะรัฐศาสตร์ไม่ต้องพูดถึง มันไม่มีอาชีพที่เจาะจงแต่ต้นอยู่แล้ว
จบหมอไปเป็นดาราก็เยอะแยะนะครับ
ไม่ต้องกังวลในจุดนี้ ผมเชื่อว่าต้องมีทางรอดเสมอ เด็ก AFS ก็เจ๋งอยู่แล้วนะ มั่นใจนิดนึง แล้วเดินไปตรงๆเลย
เรื่องจิตวิทยานี่ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์ก็ได้นี่ครับ?
มันไม่ได้เจาะจงอาชีพเหมือนคณะที่ว่ามานั่นแหละ
ถ้าจิตแพทย์มันไม่น่าจะไปรอด ก็เอามาปรับใช้กับอย่างอื่นสิ
อาจจะใช้กับงานบริษัท อารมณ์แบบจัดการทรัพยากรมนุษย์
จิตแพทย์เป็นอาชีพที่เสี่ยงกับคำว่าบ้าครับ ถ้ามองในมุมสังคมไทย จึงไม่ค่อยมีใครอยากสุงสิงเ่ท่าไร
แต่เชื่อเถอะว่าอาชีพบ้าๆยังงี้มันสำคัญจริงๆ
ไม่รู้นะ คิดหลายๆตลบ เอาอะไรมานึกหลายๆอย่างมันก็ดี ไม่ใช่ไม่ดี ผมก็คิดมากเรื่องแบบนี้
แต่ถึงเวลาจะรุ้ด้วยตัวเองเองล่ะ
อีกอย่าง ไม่อยากให้คิดมากเกินไปด้วย เวลาในฮังการีมันก็อีกเยอะ แถมยังอีกหลายปีกว่าจะเข้ามหาลัย ใช้เวลาจุดนั้นคิดก็ทันครับ
-
อ่านะ
ขอบคุณครับที่แนะนำ
ที่พูดก็ถูก
แต่คือ ผมอยากจะใช้เวลา 4ปี เก็บประโยชน์ให้มากที่สุดครับ
ผมไม่อยากเป็นเหมือนคนเหล่านั้น
ที่เรียนไปเปล่าๆ ธรรมชาติของมนุษย์ ใครๆก็อยากให้ตัวเองสบายทั้งนั้น
ผมก็ด้วย บางคนอาจจะคิดว่า การเลือกอนาคตไม่ต้องรีบก็ได้
ผมก็ไม่อยากรีบ ถ้าไม่จำเป็น
แต่นี่คือ ผมอยากที่จะได้ข้อมูลต่างๆมาตั้งเป้าหมายของอนาคต
อนาคตที่ผมจะลุยเต็มที่ และประสบความสำเร็จกับมัน
ไม่ใช่ เข้าๆไปเถอะ จบมามันก็ทำงานอะไรก็ได้
ผมอาจจะคิดมาก นั่นก็จริง เป็นโรคจิตเล็กน้อย เข้าขั้นบ้า 55+
แต่ผมว่า การที่คนเราจะคิดอะไร ในแง่ลบเผื่อไว้มันก็ดีนะครับ
การที่มั่นใจในตัวเอง นั้นดี ผมก็มั่นใจ
แต่บางสิ่งที่สำคัญ ก็ต้องเผื่อไว้ด้วย
หวังไว้ที่สูง ถ้าพลาดแล้ว ตกมามันเจ็บ
เพราะฉะนั้น อย่างน้อยใส่หมวกกันน็อกไว้บ้าก็ปลอดภัยกว่านะ
ปล.ที่ผมรีบที่สุด เนื่องจาก
ผมมีความคิดว่า อาจจะย้ายสาย
ถ้าเกิดตัดสินใจได้แล้วว่า คณะที่จะเข้าให้ได้ มันไม่จำเป็นต่อสายวิทย์
ผมไม่อยากเป็นเด็กบ้าเรียน ไม่มีเวลาสนุกๆ ของ ม.ปลาย
เพราะถ้ากลับไป อยู่วิทย์เหมือนเดิม คงต้องโดนยัดตารางเรียนพิเศษมาแน่นเอี้ยด
แต่ถ้ามันอยู่ในสายวิทย์ ผมก็ต้อง เดินหน้าตาแบบฉบับ เด็กขยันเรียน เพื่อให้เข้าคณะนั้นให้ได้
-
series II >> มาต่อแล้ว
ข้อสำคัญ... คือ
ฝันอะไร ก็ไปตามฝันของเรานั่นแหละ
-
พี่เจดูเปลี่ยนไปเยอะเลยพอพูดเรื่องนี้ แต่ก็น่ะค่ะเรื่องนี้ใครๆก็ต้องซีเรียสอยู่แล้ว
จิงๆพวกเราก็อยู่สายวิทย์เหมือนกันการตัดสินใจเลือกทางเดินสำหรับคนอื่นอาจมองว่าง่ายเพราะมีสิทธิมากกว่า
แต่บางครั้งการมีทางเลือกมากกว่าอาจจะหนักใจกว่าก็ได้
และในกรณีที่ไปเรียนเมืองนอกแล้วมีการขาดช่วงทางเรื่องเรียนแล้วด้วย ก็คงจะทำให้หนักใจมากกว่าเดิม
แต่ชีวิตเป็นของเราน่ะค่ะ เลือกตามที่ตัวเองต้องการดีกว่าค่ะ
ถึงแม้จะลำบากด้วยการเรียนพิเศษมากมาย แต่ก็คุ้มน่ะค่ะ ถ้าในอนาคตเรามีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองชอบทำ
เรื่องนี้ต้องถามใจตัวเองค่ะ เลือกทางที่ตัวเองต้องการ บางครั้งเรายังคิดว่าเจโชคดีกว่าที่ไป ม4 จะตัดสินใจหรือ
เปลี่ยนเส้นทางที่ตัวเองเลือกนั้นง่ายกว่าเราที่ไปม.5 เยอะ แต่ก็น่ะ ถึงตอนนี้เราว่าทุกคนก็คงต้องคิดหนักพอๆกัน
เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
ปล.เราก็อยากเรียนจิตวิทยาเหมือนกัน
-
ฮ่าๆๆๆๆ อุส่านั่งลุ้นรออ่านตั้งนาน นน
มาต่อ 1 ประโยค ;p
อ่า ขอบคุณทุกคนที่แนะนำครับผม
ตามฝัน ก็ดีในแง่นึง ตามกระแสโลกก็ดีอีกแง่นึง และตามอย่างอื่นก็ดีต่างกันไป
ผมเลยอยาก รู้อยู่ดีว่า
มีคณะไหน ที่พอจะแนะนำมั้ยครับ
ว่าคณะนั้นๆ เหมาะกับนิสัย... - -'' แบบผมหรือไม่
-
พี่ว่าน้องมีความสนใจหลายด้านมาก และพี่ก็ไม่อยากจะแนะนำแบบเจาะจง อยากให้น้องตัดสินใจเองมากกว่า
แต่พี่ก็จะแนะนำคณะพี่ล่ะนะ เพราะหลายๆคนไม่รู้จัก
พี่เรียนอยู่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สาขากายอุปกรณ์
เราจะไม่ได้จบออกมาด้วยยศ นพ. หรือ พญ.นำหน้า เพราะเราเป็นนักกายอุปกรณ์
4 ปีจบปริญญาตรีด้วยวุฒิ กายอุปกรณ์ศาสตร์บัณฑิต
เป็นคณะที่เล็กที่สุดในรั้วมหิดล วิทยาเขตศาลายา อย่างปีพี่ก็ 15 คนเท่านั้น
กายอุปกรณ์ เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วย การประดิษฐ์ คิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์เทียมภายนอกทั้งหลาย
อุปกรณ์เทียม เช่น แขนเทียม ขาเทียม เท้าเทียม
อุปกรณ์เสริม เช่น พื้นรองเท้า ที่ช่วยพยุงขา เสื้อดัดหลัง เป็นต้น
เราจะทำงานช่วยเหลือคนพิการและผู้ที่มีความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวเป็นหลัก
ควรจะเป็นคนที่มีจิตอาสา ชอบช่วยเหลือ มีหัวทางด้านศิลปะ ไม่เกี่ยงงานหนัก
จะเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพทั่วไป drawingแบบวิดวะ anatomy ตอนปี2 แล้วก็จะเน้นการปฏิบัติ
ต้องหล่อปูน ต้องปั้นพลาสติก จะต้องเรียนพวกงานช่างด้วย คือต้องเป็นคนลุยงานหนัก ไม่กลัวเลอะ
คณะเราจะเล็กหน่อยเพราะงบประมาณต่อคนสูงมาก พลาสติกที่ใช้ฝึกก็ตกแผ่นละ 5000 เข้าไปแล้ว
การทำงาน พอจบไปเราก็จะสอบใบประกอบโรคศิลปะ สอบขึ้นทะเบียนกับ ISPO แล้วก็จะได้ใบอนุญาตทำงานได้ทั่วโลก
ทั้งในโรงบาลรัฐและเอกชน หรือจะไปทำงานกับบริษัทผลิตอวัยวะเทียมอย่างเช่น ออโตบ็อกซ์ก็ได้
ที่มหิดลเป็นแห่งเดียวที่เปิดสอนสาขานี้ในปัจจุบัน ที่เดียวในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นสาขาที่กำลังพัฒนา
อ้อ ตั้งแต่ปี 2 เราเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมดนะจ้ะ
ปี1เรียนที่ศาลายา ปี2ศิริราช ปี3ศูนย์สิรินธร นนทบุรี
-
เรียนวิทย์เพราะเกรดถึง เหอะๆ
เหมือนป๋มเลย แต่ยังโชคดีนะคับที่เรียนได้
ผมได้เทอมเดียวเปลี่ยนทันที เกรดแบบตกต่ำสุดในชีวิต
ตอนม.4เทอมหนึ่ง
-
พี่ว่าน้องมีความสนใจหลายด้านมาก และพี่ก็ไม่อยากจะแนะนำแบบเจาะจง อยากให้น้องตัดสินใจเองมากกว่า
แต่พี่ก็จะแนะนำคณะพี่ล่ะนะ เพราะหลายๆคนไม่รู้จัก
พี่เรียนอยู่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สาขากายอุปกรณ์
เราจะไม่ได้จบออกมาด้วยยศ นพ. หรือ พญ.นำหน้า เพราะเราเป็นนักกายอุปกรณ์
4 ปีจบปริญญาตรีด้วยวุฒิ กายอุปกรณ์ศาสตร์บัณฑิต
เป็นคณะที่เล็กที่สุดในรั้วมหิดล วิทยาเขตศาลายา อย่างปีพี่ก็ 15 คนเท่านั้น
กายอุปกรณ์ เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วย การประดิษฐ์ คิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์เทียมภายนอกทั้งหลาย
อุปกรณ์เทียม เช่น แขนเทียม ขาเทียม เท้าเทียม
อุปกรณ์เสริม เช่น พื้นรองเท้า ที่ช่วยพยุงขา เสื้อดัดหลัง เป็นต้น
เราจะทำงานช่วยเหลือคนพิการและผู้ที่มีความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวเป็นหลัก
ควรจะเป็นคนที่มีจิตอาสา ชอบช่วยเหลือ มีหัวทางด้านศิลปะ ไม่เกี่ยงงานหนัก
จะเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพทั่วไป drawingแบบวิดวะ anatomy ตอนปี2 แล้วก็จะเน้นการปฏิบัติ
ต้องหล่อปูน ต้องปั้นพลาสติก จะต้องเรียนพวกงานช่างด้วย คือต้องเป็นคนลุยงานหนัก ไม่กลัวเลอะ
คณะเราจะเล็กหน่อยเพราะงบประมาณต่อคนสูงมาก พลาสติกที่ใช้ฝึกก็ตกแผ่นละ 5000 เข้าไปแล้ว
การทำงาน พอจบไปเราก็จะสอบใบประกอบโรคศิลปะ สอบขึ้นทะเบียนกับ ISPO แล้วก็จะได้ใบอนุญาตทำงานได้ทั่วโลก
ทั้งในโรงบาลรัฐและเอกชน หรือจะไปทำงานกับบริษัทผลิตอวัยวะเทียมอย่างเช่น ออโตบ็อกซ์ก็ได้
ที่มหิดลเป็นแห่งเดียวที่เปิดสอนสาขานี้ในปัจจุบัน ที่เดียวในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นสาขาที่กำลังพัฒนา
อ้อ ตั้งแต่ปี 2 เราเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมดนะจ้ะ
ปี1เรียนที่ศาลายา ปี2ศิริราช ปี3ศูนย์สิรินธร นนทบุรี
แล้วพี่น้ำหวานทำยาน้ำได้ป่ะครับ55+
-
แต่อย่างผม รู้ตัวตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าชาตินี้
หนีเครื่องแบบไม่พ้นแน่นอน ตอนจบม.ต้นไป
สอบนายร้อยตำรวจ ก่านายเรือไม่ได้ มีปัญหาสายตา
ก็เลยปรับทิศทางใหม่ เลือกไว้แน่แล้วว่าไม่นิติก็จาเอารัฐศาสตร์ให้ได้งับ
-
เง้อ รู้สึกเหมือนเมื่อวานจะพิมพ์ประโยคยืดๆยาวๆสักอย่างมา
แล้วก็ไม่ได้โฑส เน็ตล่ม
เราเลยไม่มีอารมณ์จะพิมพ์ใหม่ละ -3-
ยังไงก็ ขอให้หาทางเดินให้เจอ ขอให้โชคดีนะครับ
อยู่ ม.สี่เหมือนกัน ต้องได้คุยกันอีกแน่ตอนใกล้ถึงเวลาของมัน ฮ่าๆ
-
การตัดสินใจของตัวเองคือสิ่งที่ทำให้ตัวเองเป็นตัวเอง ถึงใครจะบอกว่าน่าจะเรียนนู้นนี่นะ สิ่งที่ใช่ที่สุดก็คือสิ่งที่ตัวเองเลือก
แฮร์รี่ไม่เอาสริธิรินแต่หมวกบอกว่าอยู่แล้วดีนะ
-
เจครับ
ไม่ใช่อะไรหรอก
55555 5555 ขำๆ ไม่อยากให้ซีเรียส
ก็ดูเราสิ
ตอนประถม-ม.ต้น เรียนเก่ง ที่ 1 ของจังหวัดตาก (แอบคุยโว เพราะตอนนั้นความจำดี แต่ไม่ค่อยฝึกคิดวิเคราะห์)
พอ ม.ปลาย เข้ากรุงเทพฯ ปรับตัวไม่ได้ ใจแตกกระเจิง
เรียนสายวิทย์ แล้วก็ตกวิทย์ ด้วยใจไม่อยู่กับการเรียน โดดเรียน อย่าเอาเป็น ต.ย. นะ
เข้ารามฯ นิติ ก็ ตกกฎหมาย
เข้าเรียนและเป็นผดุงครรภ์ หัวเฉียว ได้วุฒิประกาศนียบัตรผดุงครรภ์อนามัยชั้นหนึ่ง ทำงานห้องผ่าตัดสูติ-นรีเวช(ตอนนั้นจิตใจเมตตากรุณาเบ่งบาน)
13 ปี เลี้ยวเข็มมาเป็นข้าราชการสายวิชาการนโยบายและแผน (เรียนเสริม ป.ตรี ที่ ม.เกริก)
ตอนนี้จบ ป.โท สังคมวิทยาประยุกต์ ม.เกษตร ล่ะ ไม่ได้เป็นด๊อกเตอร์ เอาตังค์ให้ลูกเรียนดีกว่า
แต่บอกได้เลยว่าชอบทางสายเอ็นเทอร์เทน รักเสียงเพลง
เพราะช่วงอายุ 18-47 ปี มีไซด์ไลน์ด้านดนตรีตลอด
ขณะนี้ เขยิบวิทยฐานะขึ้นบันไดปูนนี้ ที่เลข 50 ก็มองเห็นฝันเลือนหายไปแล้ว จะมีก็แต่ความหวังดี เล่า ปสก ความหลังให้นี่แหละ
จะบอกเจว่า บางครั้งชีวิตจริง เรากระโดดเกาะฝันไม่ได้ ฝันอาจเลือกจับเราเอง
แต่เราประคองฝันได้...
:th_086_: