AFSer Thailand Webboard
AFS Talk => Everything => Topic started by: PLOY >_< on January 14, 2010, 07:28:53 AM
-
ที่นี่มีแต่คนคิดว่าประเทศไทยยากจนมากๆ :th_058_: :th_058_:
-------------------------------------------
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
คนจนคือชนกลุ่มน้อยนิดในประเทศไทย! จากข้อมูลของ CIA ระบุว่าประเทศไทยมีคนจนอยู่เพียง 10% ของประชากรทั้งประเทศ แล้วทำไมบางคนยังเข้าใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ยากจนอยู่อีก เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอนคุณรสนา โตสิตระกูลในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ ตอบโต้กับคุณปลื้ม ก็ยังอ้างว่าประชาชนไทย 70% ยากจน เรามี "คนยากจน" หรือ "คนอยากจน" จำนวนมากกันแน่ คนที่มักวาดภาพว่าคนไทยส่วนใหญ่ยากจนนั้นเป็นเพราะความเข้าใจผิดหรือมีวาระ ซ่อนเร้นอะไร เรามักชอบเอาคนจนหรือความจนมาอ้างหรือไม่
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
ข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งที่เชื่อถือได้ต่างระบุสอดคล้องกันว่าประชากรไทยที่ยากจนคืออยู่ต่ำ กว่าเส้นความยากจนมีเพียง 9-10% โดยประมาณ แม้แต่เมื่อปี 2505 ประชากรไทยที่ถือว่ายากจนก็มีเพียงครึ่งหนึ่ง (57%) ไม่ใช่ 70% เช่นที่เข้าใจกัน และหลังจากนั้นประชากรที่ยากจนก็เป็นคนส่วนน้อยมาโดยตลอด
โปรดดูแผนภูมิที่ 1: ต่อไปนี้ :
(http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image002_0036.jpg)
จากชุดข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ระบุว่า ณ ปี 2549 จำนวนคนจนลดเหลือ 9.6% ของคนไทยทั้งประเทศ หรือ 6.1 ล้านคนจาก 63.4 ล้านคน ช่องว่างความยากจนก็ลดลง ความรุนแรงของปัญหาความยากจนก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในการลงทะเบียนคนจนในสมัยรัฐบาลทักษิณปรากฏว่ามีผู้ลงทะเบียน ถึง 8,258,435 คนหรือ 13.2% ทั้งนี้อาจเป็นเพราะรวม "คนอยากจน" เข้าไว้ด้วย แต่ก็ยังถือว่าคนเหล่านี้เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศไทย
สำหรับรายละเอียดรายได้ต่อหัวของสภาพัฒน์ฯ พบว่า เส้นความยากจนในเขตกรุงเทพมหานครอยู่ที่รายได้ 2,020 บาทต่อหัวต่อเดือน หมายความว่าในครอบครัวที่หัวหน้าครอบครัวมีรายได้ประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน หากต้องเลี้ยงคู่ครองที่ไม่มีรายได้และลูกอีก 2 คน ถือว่าเป็นคนยากจน แต่ถ้าเป็นในชนบทภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นความยากจนอยู่ที่ 1,215 บาท ที่กำหนดไว้ต่ำกว่าก็เพราะค่าครองชีพถูกกว่าและชาวชนบทยังสามารถหาผักปลาจาก แหล่งธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้เงินอีกด้วย
โปรดดูตารางที่ 1: ต่อไปนี้:
(http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image004_0000.gif)
ประเทศไทยดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
ที่ว่าคนไทยที่ยากจนมีเพียง 10% นั้น ไม่ใช่ไปตีความแบบศรีธนญชัยว่า 90% เป็นคนรวย นอกจากคนยากจนแล้ว ยังมี "คนเกือบจน" คือผู้ที่มีรายได้สูงกว่าเส้นความยากจนไม่เกิน 20% อีก 8.2% แสดงว่าประชากรส่วนใหญ่ของไทยมากกว่า 80% ไม่ใช่คนยากจนอย่างแน่นอน และในอีกด้านหนึ่งประเทศไทยมี "คนจนค่นแค้น" หรือมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนเกินกว่า 20% เหมือนกัน แต่มีเพียง 3.8% เท่านั้น
การที่ประเทศไทยมีคนจนน้อยลงอย่างเด่นชัดก็เพราะได้พัฒนาจากประเทศ เกษตรกรรมเป็นประเทศอุตสาหกรรมแล้ว ในปี 2494 ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ถึง 38% มาจากภาคเกษตรกรรม แต่ในปี 2548 เหลือเพียง 10% ในขณะที่ GDP ภาคอุตสาหกรรมเติบโตจาก 14% เป็น 38% ในช่วงเวลาเดียวกัน สินค้าออกสำคัญในอดีตคือข้าว ยางพารา ไม้สัก แต่ทุกวันนี้ได้แก่ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า รถยนต์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามประชากรไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในชนบท ซึ่งต่างจากประเทศที่จนกว่าไทย เช่น ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมือง ทั้งนี้มีเหตุผลที่ผู้คนมักไม่ทราบก็คือ ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศเกาะ ประชากรจึงมักต้องอยู่ในเขตเมืองท่า แต่ประเทศไทยมีผืนดินติดต่อกันเป็นป่าไม้อันอุดม จึงมีการบุกรุกถากถางป่ากันมากมาย ประมาณว่าหมู่บ้านชนบท 70,000 หมู่บ้าน ครึ่งหนึ่งเกิดเมื่อ 50 ปีหลังนี้เอง
เมื่อ 50 ปีก่อน แอปเปิล 1 ผลราคา 5 บาท แต่ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 10 บาท ครัวเรือนใดมีโอกาสรับประทานทุเรียนหรือมีโทรทัศน์ถือว่าเป็นผู้มีฐานะ แต่เดี๋ยวนี้คนไทยมีกินมีใช้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน อัตราการฆ่าตัวตายที่หลายคนคิดว่าเพิ่มขึ้นก็กลับลดลง และอยู่ในอัตราต่ำกว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกเสียอีก โดยในปี 2549 มีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จประมาณ 5.7 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน เป็นตัวเลขที่ลดลงจากปี 2548 ที่ 6.3 คน ปี 2547 ที่ 6.9 คน และปี 2546 ที่ 7.1 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน และหากเปรียบเทียบกับทั่วโลก อัตราการฆ่าตัวตายของไทยจัดอยู่อันดับที่ 72 จาก 100 ประเทศ
การวิเคราะห์เปรียบเทียบ
ในภูมิภาคอาเซียน ประเทศที่ถือว่าไม่มีคนยากจนก็คือบรูไนและสิงคโปร์ ส่วนมาเลเซียดีกว่าไทยคือมีคนยากจนเพียง 5.1% สำหรับประเทศที่มีคนยากจนถึงหนึ่งในสามก็คือกัมพูชา พม่า ลาวและฟิลิปปินส์ ในกรณีประเทศเวียดนามซึ่งเพิ่งสำรวจล่าสุดเมื่อปี 2550 พบว่ามีคนยากจนเพียง 14.8% ดังนั้นถ้าใครจะคิดว่าไทยมีคนจนมากกว่าเวียดนามก็คงต้องคิดใหม่ หรือถ้าคิดว่าคนไทยยากจนเป็นส่วนใหญ่ก็คงเข้าใจว่าเราแย่กว่ากัมพูชาหรือ พม่าเสียอีก
โปรดดูตารางที่ 2: ต่อไปนี้:
(http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image006.gif)
สำหรับกรณีชุมชนแออัดในเขตกรุงเทพมหานครนั้น ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของคนยากจนเป็นส่วนใหญ่ เพราะสภาพัฒน์ฯ ระบุว่า คนยากจนในกรุงเทพมหานครมีไม่ถึง 1% เท่านั้น หรือต่ำกว่าหนึ่งในร้อย ดังนั้นหากพบใครในกรุงเทพมหานครบอกว่าตนเองยากจน แสดงว่าเขาพูดเล่น โกหกหรือพูดโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบว่า ในชุมชนแออัด ยังมีมือถือ โทรทัศน์ เครื่องเล่นซีดี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า กันเป็นส่วนใหญ่และมีจำนวนมากกว่า 1 หน่วยในครัวเรือนหนึ่งอีกด้วย
ผลร้ายของความคลาดเคลื่อน
การมีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จะสร้างวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักบริหารทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ก็ควรมีข้อมูลและความเชื่อที่ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง การจงใจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนย่อมก่อความเสียหาย เช่น การที่ NGO บางแห่งเคยให้ข้อมูลที่เป็นเท็จอย่างร้ายแรงว่า ประเทศไทยมีโสเภณี 2 ล้านคน ทำให้พจนานุกรมลองแมน เคยให้คำจำกัดความของกรุงเทพมหานครว่าเป็นนครแห่งโสเภณีในปี 2536 จะสังเกตได้ว่านักเคลื่อนไหวทางสังคมมักพยายามโฆษณาว่าปัญหาที่ตนเกี่ยวข้อง อยู่มีขนาดใหญ่ ด้วยหวังให้สังคมให้ความสนใจ และให้ความช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายที่ทุกคนก็ใช้วิธีเดียวกันจนเฝือ สังคมเลย มึน และกลับคิดว่าปัญหาทั้งหลายนั้นสุดแก้ไข กลายเป็นปัญหาโลกแตกไป
รัฐบาลทักษิณที่ผ่านมา ก็ได้รับข้อมูลเท็จจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ชุมชนแออัดซึ่งเข้าใจว่าเป็นที่อยู่อาศัยของคนจนมีจำนวนมหาศาล โดยระบุว่าในประเทศไทยมีการบุกรุกที่ดินถึง 5,000 ชุมชน รวม 1.6 ล้านครอบครัว จนเกิดโครงการ "บ้านเอื้ออาทร" และ "บ้านมั่นคง" แต่ความจริง ความต้องการที่อยู่อาศัยมีน้อยมาก สิ่งที่สร้างขึ้นกลับกลายเป็นการ "เอื้ออาทร" ต่อผู้รับเหมาและผู้ร่วมทุนโครงการมากกว่า แทนที่จะสร้างบ้านตามความต้องการจริง กลับสร้างตามความต้องการลวง หรือสร้างเกินกว่าความต้องการจนขายไม่ออก
คนที่ดีใจถ้าประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้น ก็คงมีแต่พวก NGO ลักษณะองค์กรนอกกฎหมายบางแห่งโดยเฉพาะที่รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวหรือทำ กิจกรรม เพราะจะได้มีงานทำไปเรื่อย ๆ ผมว่าเราต้องรักศักดิ์ศรีของชาติและของคนไทย ต้องพัฒนาประเทศให้คนไทยหายจน ถ้าเรามัวคิดว่าเรายากจนและติดกรอบคิดแบบคนยากจนอยู่เรื่อย เมื่อไหร่ไทยเราจะลืมตาอ้าปากได้
คนไทยจน ๆ เป็นคนส่วนน้อย โปรดอย่านำมาแอบอ้างหากิน
หมายเหตุ :
ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ที่ทำวิจัยต่อเนื่องเกี่ยวกับชุมชนแออัด โดยเป็นคนแรกที่ค้นพบชุมชนแออัดถึง 1,020 แห่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และสำรวจชุมชนแออัดในภูมิภาคทั่วประเทศ เคยได้รับมอบหมายจากองค์การสหประชาชาติหลายหน่วยงานให้ศึกษาเกี่ยวกับการ พัฒนาเมืองและชุมชนแออัด เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็น ผู้แทนสมาคมประเมินค่าทรัพย์สินนานาชาติ (IAAO) ประจำประเทศไทย และกรรมการสภาที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งก่อตั้งโดยสภาคองเกรสเพื่อการควบคุมการประเมินค่าทรัพย์สินใน สหรัฐอเมริกา
CREDIT:http://www.southhpp.org/paper/1834
:th_058_: :th_058_:
-
อยากรู้ประเทศอะไรก็ CTRL + F
credit: https://www.cia.gov
Field Listing :: Population below poverty line
Print Page PRINT
National estimates of the percentage of the population falling below the poverty line are based on surveys of sub-groups, with the results weighted by the number of people in each group. Definitions of poverty vary considerably among nations. For example, rich nations generally employ more generous standards of poverty than poor nations.
Country
Population below poverty line(%)
Afghanistan 53% (2003)
Albania 25% (2004 est.)
Algeria 23% (2006 est.)
American Samoa NA%
Andorra NA%
Angola 40.5% (2006 est.)
Anguilla 23% (2002)
Antigua and Barbuda NA%
Argentina 23.4% (January-June 2007)
Armenia 26.5% (2006 est.)
Aruba NA%
Australia NA%
Austria 5.9% (2004)
Azerbaijan 24% (2005 est.)
Bahamas, The 9.3% (2004)
Bahrain NA%
Bangladesh 45% (2004 est.)
Barbados NA%
Belarus 27.1% (2003 est.)
Belgium 15.2% (2007 est.)
Belize 33.5% (2002 est.)
Benin 37.4% (2007 est.)
Bermuda 19% (2000)
Bhutan 31.7% (2003)
Bolivia 60% (2006 est.)
Bosnia and Herzegovina 25% (2004 est.)
Botswana 30.3% (2003)
Brazil 31% (2005)
British Virgin Islands NA%
Brunei NA%
Bulgaria 14.1% (2003 est.)
Burkina Faso 46.4% (2004)
Burma 32.7% (2007 est.)
Burundi 68% (2002 est.)
Cambodia 35% (2004)
Cameroon 48% (2000 est.)
Canada 10.8%; note - this figure is the Low Income Cut-Off (LICO), a calculation that results in higher figures than found in many comparable economies; Canada does not have an official poverty line (2005)
Cape Verde 30% (2000)
Cayman Islands NA%
Central African Republic NA%
Chad 80% (2001 est.)
Chile 18.2% (2005)
China 8%
note: 21.5 million rural population live below the official "absolute poverty" line (approximately $90 per year); and an additional 35.5 million rural population above that but below the official "low income" line (approximately $125 per year) (2006 est.)
Colombia 49.2% (2005)
Comoros 60% (2002 est.)
Congo, Democratic Republic of the NA%
Congo, Republic of the NA%
Cook Islands NA%
Costa Rica 16% (2006 est.)
Cote d'Ivoire 42% (2006 est.)
Croatia 11% (2003)
Cuba NA%
Cyprus NA%
Czech Republic NA%
Denmark NA%
Djibouti 42% (2007 est.)
Dominica 30% (2002 est.)
Dominican Republic 42.2% (2004)
Ecuador 38.3% (2006)
Egypt 20% (2005 est.)
El Salvador 30.7% (2006 est.)
Equatorial Guinea NA%
Eritrea 50% (2004 est.)
Estonia 5% (2003)
Ethiopia 38.7% (FY05/06 est.)
European Union note - see individual country entries of member states
Falkland Islands (Islas Malvinas) NA%
Faroe Islands NA%
Fiji 25.5% (FY90/91)
Finland NA%
France 6.2% (2004)
French Polynesia NA%
Gabon NA%
Gambia, The NA%
Gaza Strip 80% (2007 est.)
Georgia 31% (2006)
Germany 11% (2001 est.)
Ghana 28.5% (2007 est.)
Gibraltar NA%
Greece NA%
Greenland NA%
Grenada 32% (2000)
Guam 23% (2001 est.)
Guatemala 56.2% (2004 est.)
Guernsey NA%
Guinea 47% (2006 est.)
Guinea-Bissau NA%
Guyana NA%
Haiti 80% (2003 est.)
Holy See (Vatican City) NA%
Honduras 50.7% (2004)
Hong Kong NA%
Hungary 8.6% (1993 est.)
Iceland NA%
India 25% (2007 est.)
Indonesia 17.8% (2006)
Iran 18% (2007 est.)
Iraq NA%
Ireland 7% (2005 est.)
Isle of Man NA%
Israel 21.6%
note: Israel's poverty line is $7.30 per person per day (2005)
Italy NA%
Jamaica 14.8% (2003 est.)
Japan NA%
Jersey NA%
Jordan 14.2% (2002)
Kazakhstan 13.8% (2007)
Kenya 50% (2000 est.)
Kiribati NA%
Korea, North NA%
Korea, South 15% (2003 est.)
Kosovo 37% (2007 est.)
Kuwait NA%
Kyrgyzstan 40% (2004 est.)
Laos 30.7% (2005 est.)
Latvia NA%
Lebanon 28% (1999 est.)
Lesotho 49% (1999)
Liberia 80% (2000 est.)
Libya 7.4% (2005 est.)
Liechtenstein NA%
Lithuania 4% (2003)
Luxembourg NA%
Macau NA%
Macedonia 29.8% (2006)
Madagascar 50% (2004 est.)
Malawi 53% (2004)
Malaysia 5.1% (2002 est.)
Maldives 21% (2004)
Mali 36.1% (2005 est.)
Malta NA%
Marshall Islands NA%
Mauritania 40% (2004 est.)
Mauritius 8% (2006 est.)
Mayotte NA%
Mexico 13.8% using food-based definition of poverty; asset based poverty amounted to more than 40% (2006)
Micronesia, Federated States of 26.7% (2000)
Moldova 29.5% (2005)
Monaco NA%
Mongolia 36.1% (2004)
Montenegro 7% (2007 est.)
Montserrat NA%
Morocco 15% (2007 est.)
Mozambique 70% (2001 est.)
Namibia the UNDP's 2005 Human Development Report indicated that 34.9% of the population live on $1 per day and 55.8% live on $2 per day
Nauru NA%
Nepal 30.9% (2004)
Netherlands 10.5% (2005)
Netherlands Antilles NA%
New Caledonia NA%
New Zealand NA%
Nicaragua 48% (2005)
Niger 63% (1993 est.)
Nigeria 70% (2007 est.)
Niue NA%
Northern Mariana Islands NA%
Norway NA%
Oman NA%
Pakistan 24% (FY05/06 est.)
Palau NA%
Panama 28.6% (2006 est.)
Papua New Guinea 37% (2002 est.)
Paraguay 32% (2005 est.)
Peru 44.5% (2006)
Philippines 30% (2003 est.)
Poland 17% (2003 est.)
Portugal 18% (2006)
Puerto Rico NA%
Qatar NA%
Romania 25% (2005 est.)
Russia 15.8% (November 2007)
Rwanda 60% (2001 est.)
Saint Helena NA%
Saint Kitts and Nevis NA%
Saint Lucia NA%
Saint Pierre and Miquelon NA%
Saint Vincent and the Grenadines NA%
Samoa NA%
San Marino NA%
Sao Tome and Principe 54% (2004 est.)
Saudi Arabia NA%
Senegal 54% (2001 est.)
Serbia 6.5% (2007 est.)
Seychelles NA%
Sierra Leone 70.2% (2004)
Singapore NA%
Slovakia 21% (2002)
Slovenia 12.9% (2004)
Solomon Islands NA%
Somalia NA%
South Africa 50% (2000 est.)
Spain 19.8% (2005)
Sri Lanka 22% (2002 est.)
Sudan 40% (2004 est.)
Suriname 70% (2002 est.)
Swaziland 69% (2006)
Sweden NA%
Switzerland NA%
Syria 11.9% (2006 est.)
Taiwan 0.95% (2007 est.)
Tajikistan 60% (2007 est.)
Tanzania 36% (2002 est.)
Thailand 10% (2004 est.)
Timor-Leste 42% (2003 est.)
Togo 32% (1989 est.)
Tokelau NA%
Tonga 24% (FY03/04)
Trinidad and Tobago 17% (2007 est.)
Tunisia 7.4% (2005 est.)
Turkey 20% (2002)
Turkmenistan 30% (2004 est.)
Turks and Caicos Islands NA%
Tuvalu NA%
Uganda 35% (2001 est.)
Ukraine 37.7% (2003)
United Arab Emirates 19.5% (2003)
United Kingdom 14% (2006 est.)
United States 12% (2004 est.)
Uruguay 27.4% of households (2006)
Uzbekistan 33% (2004 est.)
Vanuatu NA%
Venezuela 37.9% (end 2005 est.)
Vietnam 14.8% (2007 est.)
Virgin Islands 28.9% (2002)
Wallis and Futuna NA%
West Bank 46% (2007 est.)
Western Sahara NA%
Yemen 45.2% (2003)
Zambia 86% (1993)
Zimbabwe 68% (2004)
-
ไทยดีกว่าเมกาอีก เหอๆ
ที่เค้าบอกว่ายากจนเพราะว่าคนไทยติดวัตถุนิยมมากกว่า
พอเห็นว่าไม่มีเงินซื้อ ของที่ตัวเองอยากได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้แพงมาก
ก็บอกว่าตัวเองยากจน ทั้งๆที่ยังมีข้าวให้กิน มีบ้านให้อยู่
นั่นคือเหตุผลจริงๆที่เราเห็นว่า
เงินต่ำกว่าหมื่นบาทหรือมากกว่านิดหน่อยที่ได้ต่อเดือนนั้นมันไม่พอในการใช้ชีวิต
-
มันก็มีมาเรื่อยๆ ดูในรายการวงเวียนชีวิตอย่างงี้บ้าง สกู๊ปชีวิตบ้าง....อะไรพวกนี้มันก็ยังสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคมอยู่ร่ำไป
-
ไม่จน..แต่ก็ไม่รวย ๕๕
Norway ไม่มีคนจนรึ??
-
คนไทยไม่จนจริงๆ
คนรัสเซียจนกว่าเยอะ
-
มันก็มีมาเรื่อยๆ ดูในรายการวงเวียนชีวิตอย่างงี้บ้าง สกู๊ปชีวิตบ้าง....อะไรพวกนี้มันก็ยังสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคมอยู่ร่ำไป
ก็คนที่อยู่ใน๑๐%ไง?
แต่ว่าไป๑๐%ก็เยอะอยู่นะ
จาก65ล้านอ่ะ
=_=
-
มันก็มีมาเรื่อยๆ ดูในรายการวงเวียนชีวิตอย่างงี้บ้าง สกู๊ปชีวิตบ้าง....อะไรพวกนี้มันก็ยังสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคมอยู่ร่ำไป
ก็คนที่อยู่ใน๑๐%ไง?
แต่ว่าไป๑๐%ก็เยอะอยู่นะ
จาก65ล้านอ่ะ
=_=
ก็6.5ล้านคนไง
-
whats do they decide the ppl who poor or rich?? from whats??